เช้านี้ที่หมอชิต - ร่างกายของคนเรา หากขาดอาหาร สามารถอยู่ได้ถึงหนึ่งสัปดาห์ แต่ว่าหากร่างกายขาดน้ำ แม้เพียงวันเดียว ก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย จนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นน้ำจึงถือเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย ซึ่งวันนี้ ถือเป็นวันแห่งการดื่มน้ำด้วย
วันแห่งการดื่มน้ำ ตรงกับวันที่ 6 มิถุนายน ของทุกปี ก่อตั้งขึ้นโดยสมาคมเภสัชกรของคณะกรรมการสาธารณสุขกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เห็นความสำคัญของการดื่มน้ำ และประโยชน์ของน้ำต่อร่างกาย อีกทั้งตอนก่อตั้ง ก็เพื่อทดสอบคุณภาพของน้ำประปาในกรุงโตเกียว เพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีต่อสุขภาพ
สำหรับการดื่มน้ำให้ถูกวิธีนั้น สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เคยแนะนำไว้ว่า ร่างกายของแต่ละคนต้องการน้ำในปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร น้ำหนักตัว คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 แล้วหารด้วย 2 จะได้ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน หน่วยเป็นมิลลิลิตร (น้ำหนักตัว x 2.2 x 30/2 = ปริมาณน้ำมิลลิลิตร)
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้ำหนักตัว 55 กิโลกรัม คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 หารด้วย 2 จะได้เท่ากับ 1,815 มิลลิลิตร หรือ 1.8 ลิตร คือปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวันของคนที่หนัก 55 กิโลกรัม
แต่ถ้าหากดื่มน้ำได้น้อยกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ จะส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดทำงานได้ไม่ดี ร่างกายขับของเสียได้ยาก และเมื่อเลือดไหลเวียนไม่สะดวก จะส่งผลให้เกิดลิ่มเลือด เลือดข้น อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ
ส่วนจะดื่มน้ำตอนไหน แนะนำว่า ควรเริ่มดื่มหลังจากตื่นนอนในตอนเช้าประมาณ 2 แก้ว เพราะร่างกายขาดน้ำมาตลอดทั้งคืน จะได้ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้เป็นปกติ หลังจากนั้นควรดื่มน้ำ ก่อนมื้ออาหารประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการดื่มน้ำที่ถูกวิธีไม่ใช่การดื่มทีละมาก ๆ แต่เป็นการค่อย ๆ จิบทีละน้อยตลอด 5-10 นาที
และการดื่มน้ำอุณหภูมิปกติดีกว่าน้ำเย็น เพราะการดื่มน้ำเย็น ทำให้ระบบภายในของร่างกายต้องทำงานเพิ่มขึ้น ในการปรับอุณหภูมิของน้ำ ให้เท่ากับอุณภูมิของร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ง่ายกว่าผู้ที่ดื่มน้ำอุ่น หรือ น้ำที่มีอุณหภูมิห้องเป็นประจำ