“วิษณุ” แจง ระเบียบกักกันฯ ไม่เอื้อ “ทักษิณ”  ชี้ ขอพระราชทานอภัยได้  แต่ต้องรับโทษก่อน

“วิษณุ” แจง ระเบียบกักกันฯ ไม่เอื้อ “ทักษิณ” ชี้ ขอพระราชทานอภัยได้ แต่ต้องรับโทษก่อน

View icon 157
วันที่ 8 มิ.ย. 2566 | 13.59 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“วิษณุ” แจงยิบ ระเบียบกักกันฯ ไม่เอื้อ “ทักษิณ” เป็นกฎหมายที่เตรียมออกมานานแล้ว  ชี้ “ทักษิณ” ขอพระราชทานอภัยได้  แต่ต้องรับโทษก่อน 
วันนี้(8 มิ.ย.66) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึง ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน 2566 ว่าในกฎหมายไทย มีโทษอยู่  5 อย่างคือ  ประหารชีวิต จำคุก  กักขัง  ปรับ และ ริบทรัพย์สิน  โดยการลงโทษแบบกักกันไม่ได้อยู่ในกฎหมายนี้  แต่เป็นสิ่งที่เราเรียกว่าวิธีการเพื่อความปลอดภัย และไม่ใช่โทษ แต่ติดปัญหาที่ว่าการกักกันจะใช้พื้นที่ไหน   กรมราชทัณฑ์จึงได้มีการออกระเบียบดังกล่าวออกมา ใช้ ในกรณีเช่นเด็กและเยาวชน  ศาลสั่งกักกัน  จะที่บ้านกับผู้ปกครองได้  ซึ่งหลักการมีแค่นี้  แต่หลายคนเอาเรื่องนี้ไปโยงกับโทษ ที่นักโทษกลับเข้ามามอบตัว แล้วเอาไปกักกันที่บ้าน   ซึ่งเป็นคนละอย่างกัน ใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้  เนื่องจากถูกลงโทษไม่ใช่ถูกกักกัน
.
ส่วน กรณีการเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย ของ นายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น  นายวิษณุ ไม่อยากให้เอามาโยงกัน เพราะตนเคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ว่า  ว่า  นโยบายของนายสมศักดิ์  เทพสุทิน  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ถ้ามีโทษให้ไปรับโทษโดยกักตัวที่บ้านได้ยังไม่มีระเบียบออกมา  ขณะนี้มีเพียงกฎหมายกระทรวงที่ออกมาแล้ว เมื่อปี 2552 สมัยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  สำหรับที่ถูกขัง 3 ประเภท ให้เปลี่ยนไปขังที่บ้านได้คือ คนที่อยู่ระหว่างการสอบสวน //คนที่ถูกศาลสั่งจำคุกและรับโทษมาแล้ว 1ใน 3   และ// หญิงมีครรภ์ที่ศาลสั่งประหารชีวิตแต่ยังไม่คลอด จึงต้องไปขังไปไว้ก่อน โดยจะไปขังที่บ้านหรือโรงพยาบาลก็ได้  จึงย้ำว่าเรื่องดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกัน ประกาศนี้ควรจะออกมา 2-3 เดือนก่อนหน้านี้  แต่พึ่งดำเนินการเสร็จจึงออกมาในช่วงนี้  
.
นายวิษณุ ยังกล่าวถึง กรณีการขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษทางการเมือง  ว่า  จะนักโทษการเมืองหรือไม่ใช่นักโทษการเมืองก็ตาม ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมดในการขอพระราชทานอภัยโทษ  ขอเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าถูกยกคำขอ อีก 2 ปีจึงจะขอใหม่ได้  ซึ่งเป็นการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการส่วนตัว แต่หากขอพระราชทานอภัยโทษแบบครอบจักรวาล คือการออกพระราชกฤษฎีกามาแล้วกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา ซึ่งในเรื่องนี้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกานี้    ซึ่งอาจจะมีในปีหน้าตอนช่วงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่  72 พรรษา  แต่ย้ำว่า ผู้ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษจะต้องรับโทษก่อน จึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ และการขอพระราชทานอภัยโทษจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็แล้วแต่กระบวนการ  และไม่มีเวลากำหนดว่าจะต้องรับโทษจำนวนเท่าไหร่  เรื่องนี้เป็นพระราชอำนาจไม่มีกำหนด แต่หากการของพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกา มีเกณท์คือรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปี


ส่วนที่ราชกิจจาประกาศระเบียบดังกล่าวออกมาใช้ มีการโยงในประเด็นอื่นๆ นายวิษณุ ชี้แจงว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ติดขัดปัญหาหลานอย่าง  จึงพึ่งประกาศใช้  ซึ่งเรื่องนี้นำไปโยงในทางที่ไม่ถูก เช่น กรณี กรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีอำนาจใหญ่โตมโหฬารปลดนายกฯได้    มีตนเอง และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการ  ซึ่งเรื่องนี้มีการตั้งมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีอำนาจไปปลดใครได้  ข้อสำคัญคือ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ