ไม่ได้ฟ้องล้มละลายครู 2.3 พันคน สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา ตั้งโต๊ะชี้แจงหลังคนแห่ถอนเงิน 100 ล้าน ยืนยันสถานะการเงินมั่นคง สัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.80 เท่านั้น ฟ้องล้มละลายจริงแค่ 2 คน
แห่ถอนเงินสหกรณ์ ผลพวงจากกระแสข่าว สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จ่อฟ้องล้มละลายครูกว่า 2,300 คน วันนี้ (8 มิ.ย.66) ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด นายบุญธรรม เดชบุญ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา พร้อมด้วยผู้บริหารสหกรณ์ฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจง โดยระบุว่ากระแสข่าวที่ออกไป ทำให้สมาชิกของสหกรณ์ฯ แห่มาถอนเงินเป็นจำนวนมาก โดยในวันที่ 6 มิ.ย.66 ซึ่งเป็นวันแรกที่ข่าวเผยแพร่ออกไป มีสมาชิกมาถอนเงินกว่า 100 ล้านบาท หลังจากนั้นสมาชิกหลายคนได้โทรศัพท์มาสอบถามข้อเท็จจริง เมื่อรู้ว่าสหกรณ์ฯ มีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง จึงมีการถอนเงินออกไปเพียง 5 ล้านบาท ซึ่งการถอนเงิน 4-5 ล้านบาท ถือว่าเป็นสภาวะปกติ
สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา ก่อตั้งมานานกว่า 66 ปี ถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่เป็นที่พึ่งให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษามาโดยตลอด และไม่เคยคิดที่จะไปฟ้องร้องครูให้ล้มละลายเลย ตลอดเวลา 66 ปี เพิ่งฟ้องล้มละลายไปเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 28,000 คน สาเหตุที่ฟ้องล้มละลายลูกหนี้ 2 คน เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย โดยรายแรกเป็นข้าราชการครูที่ถูกไล่ออก แล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้ ฟ้องกันมานาน 10 ปีแล้วยังมีหนี้เกิน 1 ล้านบาท จึงฟ้องล้มละลาย ส่วนอีกราย เป็นครูที่ไปค้ำประกันให้กับคนอื่นที่ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องล้มละลาย หลังจากสหกรณ์ฯ ฟ้องล้มละลาย ก็ยังติดตามไปดูแลตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาชีวิตตามมาในภายหลัง
ปัจจุบันนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด มีสมาชิกอยู่กว่า 28,000 คน มีทุนอยู่กว่า 21,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นทุนเรือนหุ้นอยู่กว่า 18,420 ล้านบาท ทุนสำรองอยู่กว่า 2,157 ล้านบาท ทุนสะสมตามข้อบังคับฯ กว่า 190 ล้านบาท และมีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นประมาณ 6,880 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับทุนของสหกรณ์ฯ จะเห็นว่ามีความเข้มแข็งมากในระบบการเงิน เพราะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.80 เท่านั้น
ทั้งนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 62 ถึงปัจจุบัน ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกได้ 364 คน จำนวน 447 สัญญา สหกรณ์ฯ ใช้เงินในการแก้ไขปัญหาไปจำนวน 509 ล้านบาท ทำให้สมาชิกได้ประโยชน์ ไม่ถูกฟ้องดำเนินคดี สมาชิกมีเงินได้รายเดือนเหลือเพิ่มขึ้น ได้รับเงินปันผลเฉลี่ยคืน และที่สำคัญคือสมาชิกได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยค้างจ่ายและค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงิน เป็นเงินกว่า 38 ล้านบาท
นายบุญธรรมฯ กล่าวอีกว่า ในชีวิตครูหลายคนมีปัญหาแตกต่างกันไป แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องเงินจนไม่สามารถมาชำระหนี้ได้ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าครองชีพ ส่วนใหญ่จะเกิดกับครูเกษียณเพราะเงินรายได้ลดลง แต่เพดานการชำระหนี้ยังอยู่ที่ 70% ของฐานเงินเดือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้ทางสหกรณ์ฯ มีระเบียบปรับโครงสร้างหนี้ จึงขอให้สมาชิกเข้ามาพูดคุยเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ด้านนายชำนาญ กุลงูเหลือม อายุ 65 ปี ข้าราชการบำนาญ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ปัญหาหนี้สินข้าราชการครูไม่ใช่ปัญหาอยู่ที่ตัวครูอย่างเดียว แต่เกิดจากการไปค้ำประกันให้กับบุคคลอื่นๆ ที่เป็นญาติ พี่น้อง หรือคนที่รู้จัก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเราเป็นหนี้สินแล้วก็ต้องพยายามชำระหนี้ให้ได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาครูทั่วประเทศจำนวนมากเป็นหนี้สินแล้ว ก็คงไม่อยากไปซ้ำเติมอะไร ต้องมาหาทางแก้ไข เพราะถ้าปล่อยให้ครูเป็นหนี้อยู่เช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้ครูไม่มีสมาธิในการสอนนักเรียน ทำให้คุณภาพการเรียนการสอนลดลง เป็นปัญหาระดับชาติ จึงต้องขอฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างจริงจัง
