สนามข่าว 7 สี - เรื่องร้อนการเมืองตอนนี้ ยังอยู่กับความเคลื่อนไหวของว่าที่รัฐบาล ในการเดินสายพบปะผู้คนกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงคดีถือหุ้นสื่อของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ล่าสุดพบรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ปี 2561 ระบุชัด ไอทีวีมีแผนทำสื่อตั้งแต่ปี 2559
พิธา คิวยาว เดินสายพบประชาชน ประชุมจัดตั้งรัฐบาล
เริ่มที่การเดินสายของคุณพิธากันก่อน เรียกว่าไม่ได้อยู่นิ่งเลย หลังเลือกตั้งได้ สส. มาเป็นอันดับ 1 สิ่งแรกที่ทำก็คือการออกไปพบกับประชาชนในพื้นที่ที่ได้ สส. มาแบบยกจังหวัด จัดเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาล และแม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ก็มีแผนสัญจรไปตามจังหวัดต่าง ๆ แล้ว
โดยวันนี้คุณพิธา มีคิวไปปราศรัยขอบคุณประชาชนที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคก้าวไกลได้ สส. แบบยกจังหวัด โดยจะใช้โอกาสนี้ พบปะกลุ่มนักธุรกิจ, ภาคการศึกษา, เอกชน, อุตสาหกรรม, การท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
นอกจากการเดินสายพบประชาชนแล้ว งานหนักอีกเรื่องที่คุณพิธา เบาใจไม่ได้ คือ กรณีถูกกล่าวหาว่า ถือหุ้นสื่อ จากการถือครองหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น แม้ล่าสุดจะโอนหุ้นไปให้ทายาทอื่นแล้วก็ตาม
ปม พิธา ถือหุ้นสื่อฯ กับข้อมูล 2 ด้าน รอ กกต.พิจารณา
ขณะนี้ก็มีแรงกดดันจากกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล หรือที่เรียกกันว่า ด้อมส้ม ไปยัง กกต. กดดันอย่างหนักเลย เรียกร้องให้ยกคำร้องคดีนี้ เพราะเชื่อว่าคุณพิธา ถูกกลั่นแกล้ง เพราะไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อมา ตั้งแต่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. ยกเลิกสัญญาตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2550 แล้ว
ขณะที่ เวปไซต์โพสต์ทูเดย์ นำเสนอข่าว อ้างอิงถึงรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 พบว่า ในวาระที่ 8.3 รายงานผลการพิจารณาเพื่อการลงทุนและหาทางเลือกในการดำเนินกิจการของบริษัทต่อไป มีการประชุมเพื่อวางแผนการลงทุนในฐานะสื่อมาตั้งแต่ ปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่อนุญาโตตุลาการ ชี้ขาดว่า บริษัทไม่มีภาระหนี้ที่ต้องชำระให้แก่ สปน. แม้ว่าในขณะนั้น สปน.จะยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งทำให้ข้อพิพาทยังไม่ได้ข้อยุติก็ตาม
โดยในรายงานฉบับดังกล่าว ยังระบุด้วยว่า ประมาณเดือนมีนาคม และเมษายน ปี 2560 บริษัทได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของแนวการลงทุนไว้ 3 แนวทาง 1 ในนั้นคือ การร่วมลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Telecom Media ถึงกับมีการตั้ง บลจ.ภัทร เป็นที่ปรึกษาการลงทุน คัดเลือก 3 บริษัทเป้าหมาย นัดเจรจาเรรียบร้อย แต่สุดท้ายไปต่อไม่ได้ เพราะทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว ไม่สนใจที่จะลงทุนร่วมกับบริษัทไอทีวี เนื่องจากยังมีคดีคงค้างกับ สปน.
แต่ก็ยังมีข้อมูลจากฝั่ง คุณพิธา ที่ชี้ข้อพิรุธว่า บริษัทเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงประเภทธุรกิจมาเป็น สื่อโทรทัศน์ในปี 2565 ซึ่งคุณพิธา มองว่า เป็นความพยายามจะฟื้นคืนชีพไอทีวี เพื่อสกัดคุณพิธา ไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ กกต. ชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาคดีนี้ว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้ดำเนินการตามระเบียบหรือไม่เท่านั้น และยังไม่ได้พิจารณาว่า กรณีมีมูลจะตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่
แต่อย่างใดก็ตาม เรียกว่าทอดเวลาออกไปก่อน หลังโดนด้อมส้มเข้าไปถล่มในเพจของ กกต. อย่างหนัก
