ผู้กองแคท โพสต์แจงปมดรามา ยันทำทุกอย่างตามระเบียบ

View icon 401
วันที่ 9 มิ.ย. 2566 | 16.41 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จากประเด็นดรามา นักร้องลูกทุ่งสาวผันตัวเข้ารับราชการ และได้ติดยศแบบก้าวกระโดดจาก "ส.ต.ต." เป็น "ร.ต.อ." ภายในระยะเวลา 4 ปี ล่าสุดเจ้าตัวโพสต์ข้อความยืนยันว่า ทำทุกอย่างตามขั้นตอน และไม่มีเจตนาอวดอ้างให้กระทบจิตใจเพื่อน ๆ ข้าราชการตำรวจ พร้อมลบภาพเลื่อนยศเกลี้ยงเฟซบุ๊ก

ผู้กองแคท โพสต์แจงปมดรามา ยันทำทุกอย่างตามระเบียบ
โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา "ผู้กองแคท" ได้โพสต์ข้อความเป็นครั้งแรก หลังจากโดนกระแสดรามา ประเด็นการเลื่อนยศแบบติดจรวด โดยเจ้าตัวระบุว่า "จากประเด็นที่ได้โพสต์ภาพที่ให้คุณพ่อ คุณแม่ ประดับยศให้ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตรับราชการ ไม่มีเจตนาโพสต์เพื่ออวดอ้างหรือไปกระทำการสิ่งใด เพื่อไปกระทบจิตใจเพื่อน ๆ พี่ ๆ ข้าราชการตำรวจ และทุกฝ่ายแต่อย่างใด ต้องกราบขอโทษอย่างสูงที่กระทำการดังกล่าวโดยไม่ได้ไตร่ตรอง สุดท้ายนี้เมื่อได้รับโอกาสในการทำงาน ขอสัญญาว่าจะต้้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย อย่างเต็มกำลังความสามารถและอย่างดีที่สุด" จากนั้นก็มีการลบภาพเลื่อนยศเกลี้ยงทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ด้านชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ "ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม เพราะแคปไว้หมดแล้ว"

ขณะที่ทีมข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังคุณพ่อของผู้กองแคท แต่คุณพ่อไม่สะดวกตอบคำถาม พร้อมบอกว่าขอคุยเฉพาะเรื่องจ้างงานเท่านั้น ก่อนจะตัดสายไป

ดรามานี้ นักมวยโอลิมปิกอย่าง มนัส บุญจำนงค์ ก็ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า "เห็นคนแชร์เยอะมากตอนนี้เรื่องติดยศ พวกผมทำชื่อเสียงมากันเยอะ หลายคนทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติมาไม่รู้เท่าไร ยังไม่ได้เลื่อนยศและตำแหน่งเลย (หมดประโยชน์ก็หมดค่า)"

จากนั้น สิบเอกวรพจน์ เพชรขุ้ม นักมวยสากลเหรียญเงิน โอลิมปิก 2004 ก็เข้ามาคอมเมนต์ว่า "23 ปีเต็ม ๆ จ.ส.ต. สุด ๆ ครับ ระบบราชการ ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอ ก็อย่าไปหวัง อีกปีกว่า ๆ คงไม่ต้องไปวุ่นวายกับระบบที่ยืนกุม…. ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน"

โดยโพสต์ของ มนัส บุญจำนงค์ มีคนเข้ามาแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย อาทิ นักกีฬาคนหนึ่งที่รู้จัก 20 ปีที่แล้ว ก็สิบเอก ตอนนี้ก็ยังสิบเอก ทั้งที่ได้เหรียญทองมาตลอด ประสบการณ์ขมขื่น และเมื่อมีผู้คอมเมนต์ว่า มีแถลงจากโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า เขาจบปริญญาโทมา สามารถเลื่อนจากร้อยตำรวจตรีเป็นร้อยตำรวจเอก ในเวลา 2 ปี มนัส บุญจำนงค์ เข้ามาคอมเมนต์ตอบว่า "วรพจน์ จบปริญาโท ยังเป็นสิบเอกเลยครับ"

ชูวิทย์ จี้ถาม ร.ต.อ. หญิง มีผลงานอะไร ไต่เต้าเร็ว
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ได้โพสต์ภาพมีเนื้อหาว่า "นางงามสาวตำรวจ กอส. ใช้เวลาเพียง 4 ปี จาก "สิบตำรวจตรี" เป็น "ร้อยตำรวจเอก" หลักสูตรนี้บรรจุแต่ลูกคนรวย กับน้องคนสวย อย่างนี้เรียก "ตั๋วขาดแคลน" พร้อมจี้ถามว่า ไต่เต้ารวดเร็วน่ายกย่อง ผลงานอะไรช่วยแจง ทำไมถึงพรวดพราดได้ถึง 8 ชั้นยศ ภายใน 4 ปี ตำรวจคนอื่น ๆ ผลงานหรือหน้าตาสู้ไม่ได้ อยู่มานาน ดาวบนบ่ายังเท่าเดิม

ต่อมา นายชูวิทย์ก็ได้โพสต์ข้อความอีกว่า กอส. เส้นทาง "ฟาสต์แทร็คประดับดาว" แหล่งรวมลูกผู้ใหญ่ ลูกคนรวย น้องคนสวยที่อาศัยช่องทางลัดติดดาว แค่อบรม 17 สัปดาห์ จบมาติดหนึ่งดาว ได้เป็นร้อยตำรวจตรี คุณสมบัติพิเศษที่จะได้เข้า ต้องนามสกุลดัง มีความสามารถพิเศษ พูดภาษาอังกฤษได้ เคยเล่นละคร หรือเก่งโยคะ อย่าง "สารวัตรซัว" เจ้าพ่อพนันออนไลน์ก็มาสายนี้ เติบโตจนยิ่งใหญ่ในวงการ อะไรก็ได้ที่พิเศษกว่าลูกชาวบ้าน ที่อยากติดดาวประดับบ่า เป็น "หลักสูตรบั่นทอนขวัญและกำลังใจตำรวจที่ไม่มีโอกาสบรรจุเป็นข้าราชการชั้นสัญญาบัตร"

ทีมข่าวสอบถามเรื่องนี้กับคุณชูวิทย์ บอกว่า ส่วนตัวมองหลักสูตรนี้ว่าเป็น หลักสูตรแห่งความเหลื่อมล้ำ ที่เปิดช่องให้ลูกหลานคนดัง คนรวย ได้เข้ามาสู่เส้นทางราชการ เพื่อเปิดทางไปสู่โอกาสต่าง ๆ แต่แท้จริงแล้วไม่เคยมาทำงานด้วยซ้ำ ถือเป็นการบั่นทอนและทำลายขวัญกำลังใจตำรวจผู้น้อย ที่ทำงานแทบตายแต่ยศเท่าเดิม ไม่ขยับไปไหน และนอกจากหลักสูตร กอส.แล้ว ยังมีอีกหลายหลักสูตรที่มีลักษณะคล้ายแบบนี้อีก พร้อมเผยว่าส่วนใหญ่คนที่จบหลักสูตรนี้เป็น แวดวงลูกหลานตำรวจยศใหญ่ แวดวงการเมือง และแวดวงไฮโซ

ชำแหละ หลักสูตร กอส. คืออะไร ?
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยเรื่องหลักสูตร กอส. ว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะได้เรียน และทำไมคนดังต่าง ๆ ถึงมาเรียนเยอะ ต้องเรียนอะไรบ้าง แล้วมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

หลักสูตร กอส. ผู้ที่เข้าร่วมจะต้องผ่านการเรียนทั้งหมด 17 สัปดาห์ โดยแบ่งเป็น ภาควิชาการ 16 สัปดาห์ และภาคสนาม 1 สัปดาห์ แบ่งวิชาออกเป็น วิชาพื้นฐาน 330 ชั่วโมง และวิชาเฉพาะ 170 ชั่วโมง

ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร กอส. จะได้รับความรู้เกี่ยวกับวิชาต่าง ๆ ที่ตำรวจพึงมี อาทิ กฎหมายเบื้องต้นสำหรับตำรวจ, กฎหมายอาญาสำหรับตำรวจ, กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาสำหรับตำรวจ, กฎหมายแพ่งและพาณิชย์สำหรับตำรวจ, ระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี, งานสารบรรณตำรวจ ฝ่ายอำนาจการตำรวจ, การฝึกยุทธวิธีตำรวจ

สำหรับหลักเกณฑ์การสมัครในหลักสูตร การอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอส.) จะต้องมีคุณสมบัติ คือ 1.ผ่านการสอบคัดเลือก 2.มีบิดา/มารดาที่เป็นตำรวจ แล้วเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ 3.กรณีที่ตำรวจกำลังขาดแคลนบุคลากรด้านนั้น ๆ 4.เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ (นักกีฬา นักร้อง คนดัง)

เปิดนามสกุลดัง จบหลักสูตร กอส.
ขณะเดียวกันก็มีคนดัง ลูกไฮโซนามสกุลดัง สมัครเรียน และติดยศเป็นข้าราชการตำรวจหลายราย อย่างเช่น น้องชายนางเอกชื่อดัง, ทายาทธุรกิจโรงแรม-บ้านพักตากอากาศ, ทายาทธุรกิจรับจัดอีเวนต์ และล่าสุดก็คือ ผู้กองแคท นักร้องลูกทุ่งคนดัง นอกจากนี้ก็ยังพบว่ามีผู้จบหลักสูตร กอส.หลายคน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาด้วย

ล่าสุด มีรายงานว่ามีการสั่งตรวจสอบที่มาของเข็มที่กลัดอยู่บนหน้าอกเครื่องแบบ ซึ่งปกติจะอยู่ในส่วนความรับผิดชอบของ กองบัญชาการนายตํารวจราชองครักษ์ประจําพระองค์ โดยปัจจุบัน ผู้กองแคท ปฏิบัติหน้าที่ในกลุ่มงานวิชาการและงานสารบรรณ สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ

แฉอีก ผู้กองแคท เป็น CEO บริษัท ฝ่าวินัยตำรวจ ?
ล่าสุดชาวเน็ตขุดคลิปแฉหลักฐานอีกว่า ผู้กองแคท นอกจากจะรับราชการตำรวจแล้ว ยังมีชื่อเป็นประธานบริษัทแห่งหนึ่ง พร้อมโพสต์คลิปที่เจ้าตัวขึ้นเวที แล้วกล่าวแนะนำตัวเอง ย้ำชัดว่าเป็นประธานบริษัท

ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะหากผู้กองแคท เป็น CEO บริษัทจริง ๆ นั่นหมายความว่าผิดระเบียบวินัยของตำรวจ ตามมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ข้อ 17 "ต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้น ในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท"

ทีมข่าวสอบถามประเด็นนี้กับ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ ซึ่งต้องขอตรวจสอบก่อน หากทำผิดระเบียบจริง ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนต่อไป

ทบ. แจงภาพมอบดอกไม้ให้ ผู้กองแคท
ขณะที่ กองทัพบก ออกมาชี้แจงกรณีภาพอดีตเจ้ากรมดุริยางค์กองทัพบก มอบดอกไม้ให้ผู้กองแคท โดยระบุว่า ผู้กองแคท เคยเป็นพนักงานราชการกรมดุริยางค์ทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก วาระงาน 1 ปี ในปี 2562 เท่านั้น และลาออกไปสอบตำรวจ

ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นการแสดงความยินดีกับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ทุกระดับชั้น เพื่อเป็นการจูงใจ สร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการ และเป็นการส่งเสริมกำลังพลให้พัฒนาตัวเอง ให้ไปในระดับที่สูงขึ้น