เปิดขั้นตอน 2 คดี พิธา

View icon 48
วันที่ 10 มิ.ย. 2566 | 16.47 น.
เจาะประเด็นข่าว 7HD
แชร์
เจาะประเด็นข่าว 7HD - นับจากนี้ คุณพิธา มีวิบากกรรมที่ต้องเผชิญในทางกฎหมาย 2 ประเด็นสำคัญจากการถือหุ้นสื่อไอทีวี ประเด็นแรกคือ กรณี กกต.ตั้งกรรมการไต่สวนตามมาตรา 151 ของกฎหมายเลือกตั้ง สส. รู้อยู่แล้วหรือไม่ หรือ ถ้าหากว่ากกต.รับรอง สส.แล้ว แต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้ง และหลังจากรับรอง สส.แล้ว ก็ต้องเจอกับการถูกยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ้นสภาพความเป็น สส.หรือไม่

สืบเนื่องจากกรณี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณี คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้ง กรณีถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น เหตุคำร้องยื่นเกินระยะเวลาตามกฎหมายกำหนด แต่มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาตามมาตรา 151 เหตุรู้อยู่แล้ว ว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังฝืน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนต่อไป ก็ทำให้ตอนนี้คุณพิธา มีปัญหาทางด้านกฎหมายใน 2 ประเด็น

ประเด็นที่ กกต.จะสอบสวนตามมาตรา 151 กันก่อนว่า มีผลอย่างไร เรื่องนี้ อาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวของเราไว้ ว่าการไม่รับคำร้องของผู้ร้อง แต่รับเป็นความปรากฏ แปลว่า กกต.รับเป็นเจ้าภาพเอง ไม่ต้องผ่านศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการดำเนินคดีอาญา ม.151 คือ หาก กกต. พบว่า คุณพิธา สมัครโดยขาดคุณสมบัติ กกต.ก็แจ้งความดำเนินคดีผ่าน ตำรวจ อัยการ ไปศาลอาญาได้เลย ความผิดตามมาตรานี้มีโทษ จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ตัดสิทธิการเมือง 20 ปี ซึ่งส่วนนี้อาจใช้เวลานานราว 1 ปี แต่ผลที่จะเกิดขึ้นทันทีคือ จะกระทบต่อการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภา เพราะจะมีข้ออ้างไม่โหวตให้คุณพิธา เนื่องจากติดคดีความ

ส่วนการร้องคดีถือหุ้นสื่อ ถึงแม้ว่า กกต.จะปัดตกไป แต่คดียังไม่จบ เพราะว่าหลัง กกต.รับรอง สส. แล้ว ปัญหานี้ก็จะขยับมาเป็นว่า คุณพิธาถือหุ้นสื่อ มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ยังร้องได้ 3 ช่องทาง คือ สส. 50 คน หรือ สว. 25 คน หรือ กกต.ร้องเอง ในฐานะความปรากฏ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนการเป็น สส. และตัดการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้อีกรอบ อาจารย์สมชัย เลยสรุปว่า ไม่ใช่ข่าวดี และเป็นสภาวะที่หนักกว่าเดิมสำหรับคุณพิธา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง