รังสิมันต์" ชี้ กกต.สอบ ม.151 พิธา ต้องการเตะตัดขาก้าวไกล เชื่อ ทำไม่สำเร็จ พิธายังเข้าสู่กระบวนการเป็นนายกฯ ได้ ยกเคสพรรคอนาคตใหม่เทียบ ทำสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน
วันนี้ (10 มิ.ย.66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี กกต.พิจารณาคดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลในมาตรา 151 ว่า มั่นใจพยานหลักฐานและการต่อสู้คดีในศาลตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่กรณีนี้ชัดเจนเป็นประเด็นการเมืองโจมตีพรรคก้าวไกล ประชาชนที่เฝ้าดูอยู่ก็ทราบว่า ต้องการเตะตัดขาพรรคก้าวไกลไม่ให้ตั้งรัฐบาล และไม่ให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพยายามทำซ้ำๆ คล้าย 4 ปีที่แล้วสมัยพรรคอนาคตใหม่ สุดท้ายสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว การพยายามเตะตัดขาพรรคอนาคตใหม่ในเวลานั้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น
เราเชื่อว่าความพยายามที่จะเตะตัดขาพรรคก้าวไกล จะไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องดำเนินคดี กฎหมายรัฐธรรมนูญได้ระบุว่า ผู้ถูกดำเนินคดีจะเป็นผู้บริสุทธ์จนกว่าศาลจะพิพากษาเป็นที่สุด หมายความว่านายพิธาจะเข้าสู่กระบวนการเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และตนอยากบอกทุกฝ่ายว่าไม่ควรนำกรณีนี้มาปะปน เพราะเมื่อยังไม่มีคำพิพากษา ก็ถือว่านายพิธาเป็นผู้บริสุทธ์ ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งกระบวนการในศาลพิจารณาคดีต้องใช้เวลา
ส่วนจะส่งผลกับสว.ในการสนับสนุนนายพิธา หรือไม่นั้น มองว่า สว.คงมีการอ้างในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าสว.ไม่ได้เป็นเอกภาพกันทุกคน ถึงที่สุดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์หลายอย่าง ผลลัพธ์การตัดสินใจของวุฒิสภา ตนคาดหวังจะแตกต่างจากเดิม และวันนี้พรรคก้าวไกลรวมเสียงได้ 312 เสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง จะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทุกฝ่ายเคารพเจตจำนงทางการเมือง และการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 ประเทศจึงจะได้เดินหน้าได้ ส่วนพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตนยังมั่นใจว่ามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวตั้งรัฐบาลให้ได้ ทำให้การแก้ไขปัญหาของประเทศที่คั่งค้างได้รับการแก้ไขไว
สำหรับการเตรียมการ หากเข้าสภาฯ ได้แล้วอาจจะมีการรวมเสียง สส. และ สว.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลกับพรรคหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุ ขั้นตอนนั้นยังมาไม่ถึง แต่เราเชื่อว่าการเดินหน้าขณะนี้ไม่มีปัญหา แต่เรามีการเตรียมแผน ซึ่งไม่เอามาเปิดเผยอยู่แล้ว แต่วันนี้ยืนยันการเดินหน้าแบบนี้เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย
