ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ชูวิทย์ แฉอีก ตำรวจสาวสายแฟชั่น จบหลักสูตร กอส. รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ. นางงาม ยศขึ้นเร็ว แต่วัน ๆ ขับแลมโบกินี หิ้วแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ งานการไม่มีทำ ร่อนตามผับ ทำเอาชาวเน็ตช่วยกันตามขุดต่อ
โผล่อีก ชูวิทย์ แฉ ตร.หญิงสายแฟชัน จบหลักสูตร กอส.
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ภาพตำรวจสาว พร้อมข้อความระบุว่า "นี่ก็อีกคน ตำรวจสายแฟชัน กอส. ชื่อย่อ "ณ" รุ่นเดียวกับร้อยตำรวจเอกนักร้องนางงาม รุ่นนี้ยศขึ้นเร็ว เพิ่งปิดไอจีหนี วัน ๆ ขับแลมโบ โฉบไปมา งานการไม่มีทำ ร่อนตามผับ ไปต่างประเทศทุกเดือน หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมหรู แต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากแคทวอล์ค
ไม่ทราบว่าอยู่กองไหน? หรืออยู่ "กองแฟชั่น สตช."? แนะนำให้ไปเที่ยวผับจีน แถวรัชดา ซอย18 เปิดกันยันเช้า รับรองว่าจีนเทาให้เข้า เพราะไม่รู้ว่าเป็นตำรวจแน่นอน หน่วยใหม่ตั้งชื่อว่า "กองแฟชั่น ของ สตช." เพื่อไว้รับแขกบ้านแขกเมืองให้ฮือฮาว่า "นี่คือตำรวจไทยเมืองท่องเที่ยว" หรือเอาไว้เป็น "สายลับ" ไม่ใช่มียศ ถึง ร.ต.อ. ประดับ 3 ดาว แต่ไม่ได้ทำงานอะไร ตำรวจอื่น ๆ เขาทำงานยันแก่ยังไม่ได้ยศ "ผู้กอง" เด็กเส้น เด็กนาย เด็กฝาก สารพัดตั๋ว พอกันที ให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทำงานด้วยเถอะ เจ้าประคุณ"
จากนั้น นายชูวิทย์ ยังโพสต์ข้อมูลเพิ่มในคอมเมนต์ว่า พ่อของตำรวจสาวคนนี้ เป็น "ผอ.กรมเกี่ยวกับน้ำ" ปัจจุบันปิดไอจีไปแล้ว เปิดใหม่เป็นไพรเวท มักลงสตอรี่ อัพเดทชีวิตหรูหรา และทำงานในส่วนของตำรวจบ้างในบางครั้ง (อาทิตย์ละไม่กี่วัน)"
ผบ.ตร.จ่อยกเครื่องระเบียบ เน้นคนในเป็น ตร.สัญญาบัตร
ล่าสุด พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาชี้แจงถึงประเด็นร้อนดังกล่าวว่า ตามที่มีข่าวประเด็นข้อสงสัยของสังคมเกี่ยวกับกรณีของ ผู้กองแคท และข้าราชการตำรวจรายอื่น ๆ ของหลักสูตร กอส. แม้ว่าในเบื้องต้นกระบวนการทั้งการคัดเลือก การแต่งตั้ง การเข้าเรียนหลักสูตร กอส. การบรรจุด้วยวุฒิปริญญาโท จนการเลื่อนยศ จนถึง ร.ต.อ. จะเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย กฎ ก.ตร. ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ (ผบ.ตร.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้ตรวจสอบรายละเอียดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงที่ ผบ.ตร. เข้ามารับตำแหน่งกว่าระยะเวลา 8 เดือน ก็ยังไม่ได้มีการเปิดรับบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจตามที่หน่วยงานร้องขอแต่อย่างใด เพื่อให้การแก้ไขเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จึงได้สั่งการมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร ตั้งคณะทำงาน เพื่อทบทวน ปรับปรุง แก้ไข ระเบียบ คำสั่ง กฎ ก.ตร และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร การบรรจุ แต่งตั้ง ครองยศ รวมถึงการเข้าเรียนหลักสูตรการอบรมบุคคลภายนอกที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอส.), หลักสูตรการอบรมบุคคลภายใน (ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอน.), และหลักสูตรที่เทียบเคียงอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทันต่อยุคสมัย และสอดรับกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ฉบับใหม่
ขณะเดียวกัน ให้นำกรณีของ ผู้กองแคท และข้าราชการตำรวจรายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้สำนักงานกำลังพลไปถอดบทเรียน มาประกอบการพิจารณาเพื่อยกร่างกฎระเบียบใหม่ โดยจะมีการเปิดกว้างในการรับบุคคลภายนอกที่มีคุณภาพ มาเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตรงกับความต้องการของหน่วย และจะมีการพิจารณาเพิ่มโควตาคนในให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยพิจารณาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถจากผลการประเมินจากผู้บังคับบัญชา หรือกรณีที่ตำรวจไปศึกษาเพิ่มเติมจนจบชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก ซึ่งจะเปิดให้มีการแข่งขันกันเอง ให้เป็นสัญญาบัตรได้ในสายงานต่าง ๆ เช่น สายงานสอบสวน สายงานป้องกันปราบปราม เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ครบถ้วนทุกมิติ คณะทำงานชุดนี้ จะมีการพิจารณาในทุกประเด็น โดยเฉพาะการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร การเข้าเรียนหลักสูตร กอส. รวมทั้งหลักสูตรอื่น ๆ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย ให้มีการเปิดกว้าง มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อที่จะรับบุคคลภายนอกที่มีคุณภาพ ตรงกับที่หน่วยต้องการ และจะเน้นการเพิ่มจำนวนโควตาพิจารณาคนใน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงาน และสามารถสร้างความเชื่อมั่น เป็นที่ยอมรับของประชาชน สังคม ต่อไป
โรม เผยหลักสุตร กอส. ตรวจสอบยาก
ขณะเดียวกันวันนี้ นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และว่าที่ สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีตำรวจที่ผ่านการอบรมหลักสูตร กอส. ว่าเป็นอีกนโยบายที่พรรคก้าวไกลจะดำเนินการตรวจสอบถึงคุณสมบัติของ
ตำรวจที่ผ่านหลักสูตรนี้ ว่าสมควรได้รับการคัดเลือกมารับราชการหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่ขับรถหรู มีฐานะดี เนื่องจากเกรงว่าอาจมีคนของกลุ่มทุนสีเทาแฝงตัวเข้ามาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจสีเทา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะอาจเชื่อมโยงไปถึงการซื้อขายตำแหน่งด้วย
รวมถึงลูกท่านหลานเธอที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปรับราชการ ทั้งที่จบการศึกษามาไม่ตรงกับลักษณะงาน ตรงนี้เห็นว่าควรให้หลักสูตรนี้ไว้พิจารณารับบุตรหลานตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฎิบัติหน้าที่เข้าสมัครสอบรับราชการ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ หรือไว้รับสมัครบุคคลภายนอกที่จบการศึกษาในสาขาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขาดแคลน เช่น นักวิทยาศาสตร์ จะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่า ซึ่งยอมรับว่าการตรวจสอบย้อนหลังตำรวจที่ผ่านหลักสูตร กอส. นั้น เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร แต่ก็ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่สังคม