เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปปป.,บก.ป.,บก.ปอท.บก.ทล. ร่วมกับ ป.ป.ช., ป.ป.ท., ป.ป.ง. และ เจ้าพนักงานธนาคารกรุงไทย ร่วมปฏิบัติการ “Stop Cyber Corruptions” ทั่วประเทศรวม 5 จุด ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ท.ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงิน ของฝ่ายการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบ KTB Corporate Online ต้องสงสัยหลายรายการ จึงได้ตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเบิกถอนเงินงบประมาณ ได้ทำการยักยอกเงินงบประมาณของหลวงไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยใช้อำนาจหน้าที่ที่สามารถเข้าถึงรหัสการเบิกถอนเงินออกจากธนาคาร ทั้งในส่วนรหัสการเบิกถอนของเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการ และรหัสเบิกถอนของเจ้าหน้าที่อนุมัติเบิกจ่าย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้ดำเนินคดี กับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีชำนาญการ เทศบาลตำบลลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ที่ได้ยักยอกเงินจำนวน 215 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 15,867,275.49 บาท และได้ดำเนินคดีกับผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี องค์การบริหารส่วนตำบลวังโพรง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่ได้ทำการยักยอกเงินจำนวน 132 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 44,385,950 บาท ไปแล้วนั้น ในครั้งนี้ จึงได้ยกระดับในการทำงาน เปิดปฏิบัติการ Stop Cyber Corruptions ขึ้นใน 5 จังหวัด เพื่อตัดวงจรการโกงเงินหลวงไปใช้ส่วนตัวโดยผิดกฎหมาย ดังนี้
1. องค์การบริหารส่วนตำบลนิลเพชร อ.บางเลน จ.นครปฐม ผู้กระทำความผิด นางสาวนฤมล (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการยักยอกเงิน จำนวน 23 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 8,350,000 บาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณของหน่วยงานไปใช้ส่วนตัว
2. องค์การบริหารส่วนตำบลหนองหัวโพ อ.หนองแซง จ.สระบุรี ผู้กระทำความผิด น.ส.บัวสวรรค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการยักยอกเงิน จำนวน 84 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 4,977,412.28 บาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณของหน่วยงานไปใช้ส่วนตัวและการพนัน
3. องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยยายจิ๋ว อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ผู้กระทำความผิด น.ส.ณัฐชยา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ช่วยนักพัฒนาชุมชน ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการยักยอกเงิน จำนวน 60 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 5,860,494.08 บาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณของหน่วยงานไปใช้ส่วนตัว
4. องค์การบริหารส่วนตำบลโคกหล่าม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ผู้กระทำความผิด น.ส.ปนัดดา (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี นักวิชาการเงินและบัญชี ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการยักยอกเงิน จำนวน 8 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 548,420 บาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณของหน่วยงานไปใช้ส่วนตัว
5. องค์การบริหารส่วนตำบลนาเขลียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ผู้กระทำความผิด นายยุทธนา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ผู้อำนวยการกองคลัง ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการยักยอกเงิน จำนวน 59 ครั้ง มูลความเสียหาย 4,077,951.73 บาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณของหน่วยงานไปใช้ส่วนตัว โดยใช้การโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยของ น.ส.วิภาภรณ์ฯ (ภรรยา) ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.เบญจวรรณฯ ผู้ต้องหา 3 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิด



