ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พ่อใจสลาย ลูกสาววัย 33 ปี มีอาการแน่นหน้าอก ไปโรงพยาบาล หมอพยายามใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ตัวคนไข้ปฏิเสธ หมอจึงฉีดยาสลบ หลังจากนั้นลูกสาวเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังศาลาหมู่บ้าน ภายในตำบลสองแพรก อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนางสาววัลสา มีพร้อม อายุ 33 ปี ซึ่งบรรยากาศภายในงาน เต็มไปความโศกเศร้าเสียใจ โดยพ่อผู้เสียชีวิต อายุ 56 ปี เล่าให้ฟังว่า เที่ยงคืนของวันที่ 11 มิถุนายน ลูกสาว มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ จึงพากันไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เพื่อที่จะส่งตัวไปรักษาอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งตอนนั้น ลูกสาวยังมีสติดี และสามารถพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ จึงปฏิเสธ เพราะอาการโดยรวมยังดีอยู่ แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับ บอกว่า ถ้าหากไม่ใส่ท่อ จะไม่สามารถส่งตัวไปรักษาได้ ก่อนเชิญให้คุณพ่อออกจากห้อง
ต่อมา ได้ยินเสียงลูกสาวเอะอะโวยวาย พอไปแอบดู พบว่าเจ้าหน้าที่พยายามมัดตัวลูกสาว เพื่อที่จะสอดท่อ แต่ลูกสาวก็ไม่ยอม จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ได้ฉีดยาลูกสาวไป 1 เข็ม ไม่นานลูกสาวหงายท้องและหมดสติไป ตนจึงรีบเข้าไปถามว่า ฉีดยาอะไรให้ ก่อนได้รับคำตอบ คือ ยาสลบ ก่อนถูกเชิญตัวออกจากห้องอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เริ่มสวมท่อช่วยหายใจ ก่อนเข็นลูกสาวออกจากห้องพักฟื้น ไปห้องเอกซเรย์ ระหว่างทางพบว่าลูกสาวนอนแน่นิ่งและมีเหงื่อท่วมตัว และสุดท้าย หลังเจ้าหน้าที่นำตัวลูกสาวกลับมาส่งที่ห้องพักฟื้น ไม่นานก็เกิดอาการช็อก ก่อนช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้
หลังเกิดเรื่อง ยอมรับว่าเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ต้องมาสูญเสียลูกสาว ทั้งที่ก่อนฉีดยาสลบ ลูกสาวยังรู้สึกตัวดีและช่วยเหลือตัวเองได้อยู่ ทำให้ขณะนี้ติดใจว่าทำไมถึงต้องฉีดยาสลบให้ลูกสาวด้วย และอยากให้ทางโรงพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง
เช่นเดียวกับน้องชายผู้เสียชีวิต บอกว่าตอนไปส่งพี่สาวที่โรงพยาบาล ก็ยังลงจากรถได้ปกติ และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ดีทุกอย่าง แม้กระทั่งเดินไปทำบัตรผู้ป่วยเอง ซึ่งที่ผ่านมาพี่สาวก็เคยมีอาการหายใจเหนื่อยหอบแบบนี้มาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล หลังสูญเสียพี่สาวยอมรับว่าตกใจอย่างมาก เพราะมันกะทันหันเกินไป
สสจ.ส่งร่างสาวฉีดยาสลบเสียชีวิตชันสูตร จ.สุราษฎร์ธานี
ล่าสุด ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายเเพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น อันดับแรก ขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวผู้สูญเสีย
เบื้องต้น ได้สั่งการให้ทีมสอบสวนลงพื้นที่ไปสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้จะประสานนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อส่งร่างผู้เสียชีวิตไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง โดยจะให้ตรวจสอบว่าตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นตัวยาอะไร และ อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับคนไข้หรือไม่ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า แพทย์ได้ทำถูกต้องตามแนวทางการรักษาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องรอผลการชันสูตรจากนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเสียก่อน
