เช้านี้ที่หมอชิต - ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง มองว่าคดีตำรวจรีดไถเว็บพนันออนไลน์ เป็นการแซะเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ ที่กำลังจะมีการพิจารณาในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เชื่อว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลัง มีการวางแผนมาอย่างดี ส่วนผู้การฯ ชลบุรี เป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น
เมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งเดินทางพร้อม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ไปที่ศาลอาญา รัชดา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในประเด็นนี้ว่า ตามปกติแล้ว ไม่มีโจรที่ไหนอยากไปมีเรื่องกับตำรวจ แต่เหตุการณ์นี้คงจะมากเกินไป มีความรักมากเกินไป และแค้นมาก จนทำให้โจรต้องมาแจ้งจับตำรวจ เหมือนสมัยที่ตนช่วงที่ทำกิจการอาบอบนวด และออกมาเปิดเผยตำรวจที่เรียกรับเงิน ก็เพราะว่า ตัวเลขที่เรียกมามากเกินไป ส่วนกรณีของนายเป้ อาจจะแตกต่างตรงที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากถูกรีดเงินจำนวนมาก และต่อเนื่องเป็นเวลานานจนไม่มีทางออก และตัดสินใจออกมาเปิดโปง
สำหรับตัวละครสำคัญ อยู่ที่คนชื่อบอย ที่เป็นผู้เจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหา ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงตั้งแต่สมัยของ หลงจู๊ สมชาย เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมาก คิดว่าถ้ามีการมอบตัว น่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจสีเทาของฝั่งตะวันออก เพราะนายบอย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ทำให้นายบอย มีบทบาท ในการรีดเงินต่าง ๆ และมีความเป็นไปได้ที่นายบอย น่าจะมีเส้นสายมากกว่า นายต้น ซึ่งเป็นสองคนที่เกี่ยวกับการรีดทรัพย์
ส่วนที่ตนบอกให้จับตาดูให้ดี เพราะตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังไม่ลงตัว ในส่วนของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ถือว่า เป็นหมากตัวหนึ่ง หากจะกระทำการเอง ก็คงจะทำไม่ได้ เพราะความรู้ความสามารถอาจจะไม่พอ เรื่องนี้ตนจึงคิดว่ามีคนที่ใหญ่กว่านั้นรู้เรื่องมากกว่า ส่วนประโยค "เป้รักผู้การเท่าไหร่ ให้เป้เขียนมา" เป็นคำพูดที่มีการร่างบทมาก่อน ส่วนผู้การฯ จะเป็นคนพูดเอง หรือไม่ ตนไม่ขอพูด
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า การที่ผู้ต้องหาอย่างนายเป้ มาแจ้งความตำรวจ ถือว่าเป็นเรื่องที่ประหลาด ถ้าโจรไม่ได้ถูกบีบขนาดนั้น คงจะไม่กล้าที่จะมาแจ้งความตำรวจ เกมนี้ที่มองเห็นอาจจะมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น
ขอบคุณภาพจาก : Facebook ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์