บิ๊กโจ๊ก ปิดคดี จับ พล.ต.ต.เพื่อนร่วมรุ่น หลังเป็นเจ้าของเว็บพนัน 3 เว็บ ลั่น เรื่องแบบนี้ทำชั่วเอง นายไม่มีใครสั่ง
กรณีเพจสายไหมต้องรอดพา นายเชิดเกียรติ ศักดิ์ศรี ผู้เสียหายเป็นวิศวะโปรแกรมเมอร์ ทำหน้าที่เป็น “แอดมิน” ให้กับเว็บไซต์พนันออนไลน์ เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าถูกกลุ่มคนที่ทำเว็บการพนันอุ้มไปทำร้ายร่างกาย โดยอ้างว่านายตำรวจยศ “พล.ต.ต.” เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งลูกน้องให้รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ จากสาเหตุที่ทำยอดรายได้จากเว็บพนันออนไลน์ลดลง พร้อมขู่ฆ่ายกครอบครัว
ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงผลการดำเนินคดี ผู้บังคับการ กับพวก ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ และสมคบกันฟอกเงิน หลังทีมแอดมิน อุ้มโปรแกรมเมอร์เว็บพนัน ไปทำไปทำร้ายร่างกายและ ยึดเงิน เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา โดยล่าสุด มีการแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมเตรียมขยายผลยึดทรัพย์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า กรณีร่วมกันอุ้มซ้อมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย การสอบสวนพบว่ามีกลุ่มผู้กระทำความผิด ทั้งหมด 7 คน ทำการลักพาตัวจากบ้านพักย่านโชคชัย ไปที่ร้านกาแฟในจังหวัดชลบุรี แล้วข่มขู่ทำร้ายร่างกาย และเรียกเอาทรัพย์สินไปจำนวน 100,000 บาท ก่อนปล่อยตัว จากการสืบสวนตำรวจสามารถจับกุมได้ 5 คน หลบหนีไปได้ 2 คน มูลเหตุมาจากปัญหาการทำยอดรายได้เว็บการพนันลดน้อยลง นอกจากนี้ยังพบว่ามีตำรวจระดับสารวัตร เป็นผู้ให้ข้อมูลกับกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อนำไปใช้ข่มขู่ผู้เสียหาย ซึ่งทั้งหมดเข้าข่ายความผิดร่วมกันปล้นทรัพย์, ข่มขู่รีดเอาทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และข้อหาอื่น ๆ รวมแล้ว 6 ฐานความผิด
ซึ่งกรณีการอุ้มผู้เสียหายไปทำร้ายร่างกาย ชุดสืบสวนสามารถขยายผลไปถึว นายพลตำรวจเพื่อนร่วมรุ่น คือ ผู้การเบ้ พบว่าเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ RRD789, BLUE789, SEXY789 เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเล่นพนันออนไลน์ผ่านช่องทางเว็บไซต์ โดยแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน ทั้งผู้ดูแล กลุ่มแอดมิน กลุ่มบัญชีม้า มีผู้ร่วมขบวนการไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยมีสถานที่ทำการอยู่ในจังหวัดชลบุรี ก่อนเปลี่ยนไปใช้รูปแบบเวิร์คฟอร์ม โฮม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน ซึ่งทั้งหมดได้ถูกดำเนินคดีและจับกุมไปแล้ว และยังพบว่ามีนายตำรวจระดับผู้กำกับการเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยผู้การเบ้ให้การปฎิเสธในชั้นสอบสวน ขอให้การในชั้นศาล
สำหรับกรณีที่ต้องดำเนินคดีกับเพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เผยว่าแม้ผู้ต้องหาจะเป็นนายตำรวจเพื่อร่วมรุ่น ใครผิดก็ว่าไปตามผิด เดินหน้าเอาผิดเต็มที่โดยไม่มีละเว้น ถึงเป็นเพื่อนกันก็ขออนุญาตดำเนินคดี
สำหรับผู้การเบ้ ถูกออกหมายจับดำเนินคดีฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือเป็นผู้สนับสนุนจัดให้มีการเล่น หรือ ทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเรื่องการพนันออนไลน์ , และสมคบโดยกระทำตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในความผิดฐานฟอกเงิน และจะตรวจสอบทรัพย์สินทั้งสิ้น ประมาณ 200 กว่าล้านบาท จะส่งให้ ป.ป.ง.ตรวจสอบ ยึดทรัพย์
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมจำนวน 9 ราย โดยได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวครบแล้วทั้งหมด ประกอบด้วย
1. พล.ต.ต.เอกภพ อายุ 52 ปี (เจ้าของเว็บ)
2. พ.ต.อ.ปวริศ อายุ 41 ปี (จัดหาบัญชีม้า)
3. น.ส.พัชวัญญ์ อายุ 39 ปี (ซุปเปอร์แอดมิน)
4. นายมนตรี อายุ 39 ปี (ซุปเปอร์แอดมิน)
5. น.ส.อมรรัตน์ อายุ 26 ปี (จัดหาบัญชีม้า)
6. นายสนธิ์ อายุ 57 ปี (บัญชีม้า)
7. นางวันเพ็ญ อายุ 59 ปี (บัญชีม้า)
8. นายคมเดช อายุ 32 ปี (บัญชีม้า)
9. น.ส.กนกวรรณ อายุ 37 ปี (บัญชีม้า)
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเผยอีกว่า เรื่องเว็บพนันจะเห็นว่า ผลประโยชน์ลงตัว ระหว่างตำรวจกับเจ้าของเว็บ เพราะมีการจ่ายเงินรับเงิน จึงไม่ค่อยมีเรื่องมา แต่เมื่อมีเรื่องมักเกิดจาก การขัดแย้งกันเอง ทะเลาะกันเอง จึงเอาเรื่องต่างๆมาแฉ และเมื่อถูกแฉมีหลักกฐาน ตำรวจก็ต้องจับ อย่างเรื่องของชลบุรี ทำมานานแล้ว แต่เดิมไม่มีปัญหา เพราะมันลงตัว แต่ตอนนี้เกิดการรีดไถกันมากเกินไป มีข่มขู่ครอบครัวของผู้ต้องหา จนทำให้ผู้ต้องหาเองก็หลังพิงฝาและต้องสู้ รู้ทั้งรู้ว่า ถ้าตัวเองมาแจ้งตำรวจก็จะถูกดำเนินคดีด้วย แต่วันนี้ก็ยอมทิ้งบอม เพราะตกลงกันไม่ลงตัว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยัน เรื่องเว็บพนันต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับ ผู้ช่วย ผบ.ตร หรือ รองผบ.ตร คนไหน เพราะไม่มีใครสนับสนุนลูกน้องให้ทำแบบนี้ เรื่องเว็บพนันมีเงินจำนวนมาก จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ล่อตาล่อใจ การดำเนินคดีเว็บพนันที่ชลบุรี ก็ไม่เกี่ยวกับ ผู้ช่วย ผบ.ตร หรือ รองผบ.ตร คนไหน แต่เกิดจากลูกน้องกระทำความผิด เมื่อลูกน้องรู้ว่าตัวเองไปไม่รอด ก็พยายามทำให้นายทะเลาะกัน ตัวเองทำชั่วเอง แต่พอมีเรื่อง ก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นพยายามโยงประเด็นเรื่องการชิงตำแหน่ง ผบ.ตร บ้าง ลักษณะนี้เรียกว่าลูกน้องชั่วซ้ำซาก ชั่วเพราะตัวเอง เมื่อถูกจับแล้ว ก็ต้องยอมรับสารภาพ ไม่ใช่ไปโทษคนอื่น เพราะฉะนั้นชั่วแล้วก็ต้องยอมรับสารภาพว่าชั่วจริง ไม่ใช่มากระทำผิดจนเป็นความชั่วซ้ำซาก