สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - มีการแฉข้อมูล "ทัวร์ผี - ไกด์เถื่อน" ระบาดหนักในพื้นที่ภูเก็ต ซึ่งตำรวจท่องเที่ยว ก็เผยว่า ปัญหานี้อยู่ระหว่างบูรณาการแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ได้กำชับไปยังผู้ประกอบการ และไกด์ หากทำผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น
กรณีเพจ "ขยะมรสุม" เผยข้อมูล และภาพนักท่องเที่ยว ซึ่งไปดำน้ำ ที่เกาะราชา ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต (เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.) แต่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งยกปลาดาวขึ้นมาถ่ายภาพ เกาะปีนป่ายบนปะการัง และโดยเฉพาะยังระบุด้วยว่า "ทัวร์ผี ไกด์เถื่อน" มีเยอะแยะเต็มไปหมด
ส่งฟ้องศาล ปมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ดำน้ำจับปลาดาว
ทีมข่าวของเรา ตรวจสอบกับ รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และในฐานะโฆษกตำรวจท่องเที่ยว บอกว่าคดีนี้ตำรวจได้ส่งฟ้องศาล กับ 2 นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว (ข้อมูลเสริม : โดยหากดูตามกฎหมายส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ก็มีการกำหนดอัตราโทษไว้หนักคือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ)
ส่วนประเด็น "ทัวร์ผี ไกด์เถื่อน" ก็ได้ตรวจสอบบริษัทนำเที่ยว และ มัคคุเทศก์ หรือ ไกด์ กลุ่มนี้แล้ว พบว่าทั้งบริษัทนำเที่ยวและไกด์ ประกอบกิจการและอาชีพ ตามที่ได้รับอนุญาต แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ จึงกำชับให้ดูแลลูกทัวร์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยเฉพาะไกด์ ต้องไม่กระทำสิ่งใดที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
มัคคุเทศก์ เมินประกอบอาชีพตามใบอนุญาต เปิดช่องเกิด ไกด์เถื่อน
และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างแก้ปัญหาไกด์ มีไม่เพียงพอ กับ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยจำนวนมาก เพราะเพียง 5 เดือนแรกของปีนี้ ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าไทยมาแล้ว 10 ล้านคน ขณะที่ปัจจุบันมีไกด์ไม่ถึง 2,000 คน จากที่ขึ้นทะเบียนไว้กว่า 5 0,000 คน ประกอบอาชีพอยู่ จึงทำให้บางพื้นที่อาจพบไกด์เถื่อน แฝงตัวมาดูแลนักท่องเที่ยว จึงเกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยว ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมเพราะขาดการแนะนำข้อมูลที่ถูกต้อง
ก็ตามที่โฆษกตำรวจท่องเที่ยวบอก กำชับเข้มแล้ว แต่จำนวนไกด์กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว จึงอาจพบนักท่องเที่ยวปฏิบัติตัวฝ่าฝืนกฎหมายได้ ซึ่ง โฆษกฯ ก็ย้ำว่าจริง ๆ ปัญหานี้เบาบางได้ โดยทุกคนร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นบริษัททัวร์ หรือ เห็นไกด์ ที่ดูแล้วเหมือนว่าจะทำธุรกิจ และประกอบอาชีพโดยไม่มีใบอนุญาต ขอให้แจ้งเบาะแส ผ่านสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155 เพราะลำพังจำนวนตำรวจท่องเที่ยว ที่มีอยู่เพียงกว่า 1,800 นาย ก็อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง