สถานการณ์ในกรุงปารีส และเมืองหลายแห่งทั่วประเทศฝรั่งเศส เริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติเมื่อวานนี้ หลังจากที่มีเหตุประท้วงรุนแรงต่อเนื่อง 5 วันติดต่อกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากกรณีที่ตำรวจยิงสังหารวัยรุ่นอายุ 17 ปี เสียชีวิต ที่เมือง "นองแตร์" ชานกรุงปารีส เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลฝรั่งเศส มองว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว โดยประธานาธิบดี "เอ็มมานูเอล มาครง" ผู้นำฝรั่งเศส มีคำสั่งให้กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส ยังคงส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากไปประจำการตามจุดต่าง ๆ ตามท้องถนนทั่วประเทศ โดยในช่วง 3 วันของปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการส่งตำรวจราว 45,000 นาย ไปดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศ
ทางด้านร้านค้าหลายแห่งตามเมืองต่าง ๆ ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันรอบ ๆ ร้าน และไม่นำสินค้าที่มีค่ามาวางจำหน่าย เพื่อป้องกันการโดนกลุ่มผู้ประท้วงบุกโจรกรรม หลังจากที่เกิดการบุกปล้นร้านค้าและนำสิ่งของมีค่าไปเป็นจำนวนมาก ในช่วงการประท้วงรุนแรง 5 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีเมืองหลายแห่งทั่วประเทศฝรั่งเศส ร่วมกันจัดเดินขบวนต่อต้านเหตุประท้วงที่รุนแรงและพฤติกรรมบุกทำลายร้านค้าและปล้นสิ่งของภายในร้านของกลุ่มผู้ประท้วง โดยนาย "ปาทริค ยาร์รี่" (Patrick Jarry) นายกเทศมนตรีเมือง "นองแตร์" สถานที่เกิดเหตุตำรวจยิงวัยรุ่นเสียชีวิต ได้บอกว่า เขาดีใจที่เหตุการณ์รุนแรงคลี่คลายลงแล้ว และขอเรียกร้องให้คืนความเป็นธรรมให้กับวัยรุ่นที่ถูกยิงเสียชีวิต
ด้านนายกเทศมนตรีเมือง "แร็งส์" (Reims) ประณามการกระทำของกลุ่มคนที่บุกเข้าปล้นร้านค้าต่าง ๆ ส่วนนายกเทศมนตรีเมือง "เปอร์ซอง" (Persan) บอกว่า เหตุรุนแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเผาทำลายอาคารบ้านเรือน, การปล้นร้านค้า และการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
สำหรับเหตุประท้วงที่เกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันอังคารที่ 27 มิถุนายน จนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้ถูกจับกุมกว่า 3,000 คน ขณะที่อาคารต่างๆ กว่า 1,000 หลัง ได้รับความเสียหาย และตำรวจได้รับบาดเจ็บราว 700 นาย
