ลุงสุดทน! กกต. ตัดสินพิธา ไม่เป็นธรรม บุกปาน้ำปลาร้าเหม็นหึ่ง

View icon 74
วันที่ 21 ก.ค. 2566 | 17.21 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ลุงสุดทน! กกต. ตัดสิน "พิธา" ไม่เป็นธรรม บุกปาน้ำปลาร้าเกลื่อนหน้าห้องรับ-ส่ง หนังสือเรื่องราวร้องทุกข์ ศาลรัฐธรมนูญหวิดโดนด้วย แต่ใส่ขาสั้น-อดเข้า เลยทำได้แค่ฝาก

จากกรณีที่นายเทวา ครูฝึกสอนเทนนิส วัย 67 ปี บุกสำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ก่อนจะนำถุงน้ำปลาร้าที่เตรียมมา ปาใส่บริเวณหน้าห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์และเอกสาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะมาเชิญตัวออกไปจากศูนย์ราชการ เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (20 ก.ค. 66)

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (21 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายเทวา เพื่อสอบถามถึงเหตุผลในกรณีดังกล่าว โดยนายเทวา เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนติดตามข่าวการประชุมสภาเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยแล้ว รู้สึกอึดอัดและรับไม่ได้กับการทำหน้าที่ของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ ที่ชงเรื่องและสั่งระงับการปฎิบัติหน้าที่ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งมีเจตนาตั้งใจสอยนายพิธา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเป็น สส. มา 4 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องร้องให้ตรวจสอบแบบนี้มาก่อน แต่พอเขาจะได้เป็นนายกฯ คนต่อไป กลับมีการกลั่นแกล้งเพื่อตัดสิทธิ์และยุบพรรคของเขา เหมือนที่พรรคอนาคตใหม่ถูกกระทำมาก่อน เป็นเรื่องที่ตนรับไม่ได้และรู้สึกคับแค้นอยู่ในใจ

นายเทวา กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นในช่วงเย็นของของวันก่อน ตนยังคงครุ่นคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนถึงขั้นเก็บเอาไปคิดว่าจะหาวิธีการตอบโต้องค์กรอิสระแบบนี้ได้ยังไงบ้าง จนกระทั่งนึกถึงปลาร้าขึ้นมาได้ว่า ปลาร้าที่ดีนั้นยิ่งเหม็นยิ่งดี แต่กับ กกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญยิ่งเหม็นยิ่งเน่า ด้วยความคับแค้นใจดังกล่าว พอตื่นเช้าขึ้นมา ตนซึ่งมีเงินติดตัวอยู่เพียง 100 บาท จึงตัดสินใจเดินไปซื้อปลาร้าในตลาดมา 2 ถุง เป็นเงิน 90 บาท เหลือเงินอีก 10 บาท ก็ซื้อปาท่องโกกินเพื่อเอาแรง

จากนั้นจึงตัดสินใจเดินถือถุงปลาร้าพร้อมกับไม้เทนนิสไปตามถนนคลองประปาเพื่อมุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ โดยตั้งใจจะนำถุงปลาร้าทั้ง 2 ถุงไปปาใส่ที่สำนักงาน กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อประชดและระบายความรู้สึกเกี่ยวกับการทำงานของหน่วยงานทั้ง 2 แห่ง เพราะตนรู้สึกเก็บกดมาหลายครั้งแล้ว ทั้งๆ ที่ กกต.ควรจะเป็นจุดแรกที่จะต้องทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคมขึ้นมา แต่ไม่ใข่กับ กกต. ชุดนี้

หลังตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตนจึงเริ่มเดินออกจากบ้านพักตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนเดินไปถึงที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะประมาณ 8 โมง โดยตนตั้งใจจะขึ้นไปยังสำนักงาน กกต. ที่หน้าห้องรับเรื่องร้องเรียนที่นักร้องทั้งหลายชอบมาแถลงข่าวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้เคยนำสับปะรดไปให้ทาง กกต. มาแล้วครั้งหนึ่งเพื่อประชดให้รู้ว่า ประชาชนมีตาเหมือนกับสับปะรดเช่นกัน

จากนั้นตนจึงได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ไปแล้วว่า วันนี้ตนเอาปลาร้ามา แต่ไม่ได้เอามาฝาก เอามาเพื่อปาประชด วันนี้ตนมาเอาจริง ซึ่งถ้าหากจะแจ้งข้อหา ตนก็พร้อมยินดีที่จะรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ต้องประกันตัวหรือเสียค่าปรับเพราะเงินที่มีติดตัวเพียง 100 เดียว ซื้อปลาร้าไปหมดแล้ว

"ปลาร้านั้นยิ่งเหม็นยิ่งดียิ่งอร่อย แต่กับ กกต.ยิ่งเหม็นยิ่งเน่า ตนเคยมาเตือนไว้ก่อนแล้วในวันที่เอาสับปะรดมาให้ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเตือนยิ่งเละ จนกลายเป็นเก็บกดและคุกรุ่นขึ้นมา"

หลังปาถุงปลาร้าที่หน้าห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ของ กกต.แล้ว ตนได้เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อที่อยู่ไม่ไกลจากนั้น เพื่อนำถุงปลาร้าที่เหลืออีกถุงไปปา แต่เมื่อไปถึงที่ศาลรัฐธรรมนูญตนไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะตนใส่ขาสั้นไปทาง รปภ.จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างใน ตนจึงทำได้เพียงแค่ฝากถุงปลาร้าที่เหลือไปให้กับศาลแทน จากนั้นตนก็เดินกลับบ้านมาตามปกติ จนกระทั่งมาตกเป็นข่าว

ขอให้ทั้ง 8 พรรค ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง กอดคอกันเอาไว้ให้ดี อดทนไว้ รออีกเพียง 9 เดือนเท่านั้นเอง ก็จะสามารถปิดสวิตช์ สว. ชุดนี้ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดได้แล้ว ที่ผ่านมาประชาชนทนกันมาตั้ง 8-9 ปี ยังทนกันมาได้เลย แค่รอต่อไปอีก 9 เดือน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าทั้ง 8 พรรค จะกอดคอกันไหวตามสัญญาไหม ตนขอฝากไปถึงนายพิธาและทั้ง 8 พรรคด้วยว่า ขอให้สู้ต่อไป ประชาชนทุกคนจะคอยเป็นกำลังใจให้ เพราะพวกคุณได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้นถ้าหากจะเจอปัญหาอุปสรรคก็อย่าท้อถอย เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง