เจาะประเด็นข่าว 7HD - ช่วงนี้ถ้าเห็นข่าวการกวาดล้างจับกุมอาวุธปืนผิดกฎหมาย ก็เป็นผลมาจากนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ระดมกวาดล้างจับกุมตามวงรอบ ซึ่งทางตำรวจยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้
โดยหนึ่งในผลการจับกุมที่เรียกได้ว่า เป็นการทลายเครือข่ายค้าอาวุธปืนรายใหญ่ ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. และตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปตรวจค้นจับกุมผู้ค้าอาวุธปืนเถื่อนใน 4 จุด ใน 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร 2 จุด, จังหวัดปทุมธานี และนครศีรธรรมราช จังหวัดละ 1 จุด จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ซึ่งมีทั้งพ่อค้าอาวุธปืน และผู้ที่เคยสั่งซื้ออาวุธปืนและกระสุนปืน ยึดของกลางอาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอก และกระสุนปืนหลายขนาดรวมกันมากกว่า 30,000 นัด
การจับกุมนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปี หลังตำรวจส่งชุดสืบสวนไปแฝงตัวอยู่ตามกลุ่มโซเชียลต่าง ๆ ที่มีการพูดคุยสั่งซื้ออาวุธปืน จนไปพบกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า "โคตรเสี่ยง V.7" ที่มีสมาชิกกว่า 300 คน จึงทำการรวบรวมข้อมูล ล่อซื้อ และวางแผนเข้าจับกุม รวมถึงขยายผลไปตรวจค้นบ้านของลูกค้าที่สั่งซื้อปืนผิดกฎหมายดังกล่าว
จากการสืบสวน พบว่ากลุ่มนี้มีการซื้อขายอาวุธปืนกันทุกวัน ทำแบบนี้มาแล้วประมาณ 2 ปี มีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท ลูกค้าที่สั่งซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 15-20 ปี ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนการสอบสวนบางคนก็รับสารภาพ บางคนก็ให้การปฏิเสธ เช่น คนที่มีกระสุนปืนครอบครองกว่า 30,000 นัด อ้างว่าไม่ได้มีไว้ขาย แต่จะไว้ใช้เอง ซึ่งตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จะขยายผลดำเนินคดีต่อ
ขณะที่ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม และอาวุธปืนทั่วประเทศ ตามยุทธการ "ล้างบางมือปืน คืนสันติชาวประชา" ว่า มีการปิดล้อมตรวจค้น 1,658 จุด จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 966 ราย ยึดของกลาง อาวุธปืนเถื่อนไม่มีเลขทะเบียน 811 กระบอก, อาวุธปืนมีเลขทะเบียนแต่เป็นของคนอื่น 99 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน 44,540 นัด, ระเบิด 2 ลูก และยาบ้าอีกกว่า 6,000 เม็ด
พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ บอกว่า เป็นนโยบายที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้การระดมกวาดล้างช่วงระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายนนี้ ยืนยันเป็นการระดมกวาดล้างจับกุมตามวงรอบ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง หรือเกิดจากมีข้อมูลการข่าวที่น่าเป็นกังวลแต่อย่างใด