"พร้อมพงศ์" โต้กลับ "ชูวิทย์" พูดความจริงครึ่งเดียวปมที่ดินแสนสิริเพื่อดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯ งัดภาพยืนคู่เศรษฐาหลังเสนอขายที่ดินเพื่อเตือนความจำ ลั่นชูวิทย์ชกมากี่ EP จะฟ้องกลับทุก EP
แฉกลับชูวิทย์ วันนี้ (7 ส.ค.66) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวแฉกลับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โดยตั้งข้อสังเกตว่านายชูวิทย์แฉเพื่อชาติหรือแฉเพื่อไทย เนื่องจากนายชูวิทย์ได้ข้อมูลการซื้อที่ดินของแสนสิริมานานแล้ว แต่ปล่อยไว้เนิ่นนาน เพิ่งนำออกมาเปิดเผย ก่อนการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย เข้าสภาฯ เพียงไม่กี่วัน หากนายชูวิทย์เห็นแก่ผลประโยชน์ของชาติจริง ต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่มีวาระซ่อนเร้น
“ผมตั้งประเด็นว่าการแถลงข่าวของนายชูวิทย์ เหมือนเอาแพะมาชนแกะ พูดความจริงครึ่งเดียว เจ้าของที่ดินเขาได้รับกรรมสิทธิ์ที่ดินคนละวัน กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ การขายที่ดินให้แสนสิริทำตามกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบกรมที่ดิน และระเบียบกรมสรรพากร หากทำไม่ได้ก็คงโอนขายที่ดินไม่ได้ และกรมสรรพากรคงฟ้องไปแล้ว ไม่รอให้ถึงมือนายชูวิทย์ นอกจากนี้ บ.แสนสิริเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีผู้บริหารหลายคน แต่นายชูวิทย์ดิสเครดิตนายเศรษฐาคนเดียว”
นายพร้อมพงศ์ ระบุด้วยว่า ส่วนประเด็นที่นายชูวิทย์อ้างว่ามีเงินทอน จากการซื้อที่ดินราคาแพงกว่าราคาตลาด อยากชี้แจงว่าที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนาสารสิน ตรงข้ามสวนลุมฯ เป็นทำเลทอง เปรียบเทียบกับที่ดินของนายชูวิทย์และครอบครัว ย่านสุขุมวิท ก็ขายแบบเดียวกับแสนสิริ ขายไป 2 พันล้าน หรือตารางวาละเกือบ 3.6 ล้าน ดังนั้นราคาแพงหรือไม่แพงดูกันที่ทำเล
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาใดๆ ที่นายชูวิทย์แถลงล้วนเป็นเท็จ ยืนยันว่านายเศรษฐาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำผิดจริยธรรม วันนี้สังคมอย่าหลงประเด็นกับการใช้ลีลาโวหาร และจะขอจับโกหกคำโตของนายชูวิทย์ ด้วยภาพถ่ายที่ยืนยันว่านายชูวิทย์เคยไปพบผู้บริหารแสนสิริและนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 เพื่อเสนอขายที่ดินให้กับแสนสิริ แปลงที่บอกว่าขายให้ไรมอนแลนด์ที่มีการวางมัดจำ 400 ล้านบาท แต่ท้ายที่สุดแสนสิริปฏิเสธการรับซื้อ เพราะติดขัดประเด็นข้อกฎหมาย เป็นสาเหตุให้นายชูวิทย์โกรธเคืองใช่หรือไม่ นอกจากนี้ คนในวงการรู้ดีว่านายชูวิทย์สนิทกับบิ๊กฝ่ายไหน การกล่าวหาแบบสาดโคลนก่อนวันโหวตนายกฯ เป้าหมายเพื่อให้ขัดต่อคุณสมบัติเรื่องจริยธรรม ความซื่อสัตย์ หรือเพื่อหวังให้ใครมาเป็นนายกฯ หรือไม่
“พฤติกรรมอำพราง จะเป็นสวนชูวิทย์มากกว่า เพราะเคยยกให้เป็นสวนสาธารณะ แล้วก็มาบอกว่าไม่ได้ยกให้ ทำให้มีคนไปร้อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ ผมได้ข่าวแว่วๆ ที่ดินลูกหลานของชูวิทย์ก็มีปัญหา ระวังจะเป็น ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ยืนยันว่าทีมกฎหมายตรวจสอบดีแล้วว่านายเศรษฐาไม่มีมลทินด่างพร้อย เคยบริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนนายชูวิทย์ เคยบริหารอาบอบนวด สำหรับภาพถ่ายของนายชูวิทย์กับนายเศรษฐา ผมจะส่งไปให้ถึงมือนายชูวิทย์เพื่อเตือนความจำ” นายพร้อมพงศ์กล่าว และย้ำว่า วันนี้ชูวิทย์ชกมากี่ EP ฝ่ายกฎหมายก็จะฟ้องกลับทุก EP