เปิดเส้นทางการซื้อรถ G300 ของมาริโอ้ ตร.เชื่ออาจไม่เกี่ยวข้องแก๊งสวมทะเบียนรถ ด้านเจ้าตัวยอมรับว่ามีความกังวล

เปิดเส้นทางการซื้อรถ G300 ของมาริโอ้ ตร.เชื่ออาจไม่เกี่ยวข้องแก๊งสวมทะเบียนรถ ด้านเจ้าตัวยอมรับว่ามีความกังวล

View icon 143
วันที่ 9 ส.ค. 2566 | 13.48 น.
ข่าวในประเทศ
แชร์
จากกรณี มาริโอ้ เข้าให้ปากคำกับตำรวจไซเบอร์ หลังมีเอี่ยวคดีสวมทะเบียนรถคาดซื้อรถจากแก๊งแฮ็กระบบกรมการขนส่งทางบก

ต่อมาเวลาประมาณ 12.30 น. มาริโอ้ เปิดเผยสั้น ๆ ภายหลังสอบปากคำแล้วเสร็จว่า วันนี้มาให้ปากคำในฐานะพยานไม่มีความกังวลเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทราบที่มาของทะเบียนรถที่ไม่ถูกต้องหรือไม่มาริโอ้ตอบว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ และได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหมดแล้ว และยังยืนยันว่าซื้อมาถูกต้อง ส่วนเรื่องของรายละเอียดขอให้ถามทางผู้ใหญ่ ที่เหลือนอกจากนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ

ด้าน พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า วันนี้ตำรวจเรียกพยานมา 3 คน เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับการครอบครองรถ โดยมาริโอ้ เป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อในทะเบียนรถ ส่วนอีกคนชื่อก้อง เป็นผู้ที่เอารถมาขายให้ รู้จักกันมา 2-3 ปี ส่วนอีกคนเป็นพี่ชายของนายก้อง ซึ่งรู้จักกับผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้

จากการสอบสวนมาริโอ้ เชื่อว่าน่าจะไม่รู้เห็นด้วย เพราะซื้อมาอีกทอดหนึ่งจากนายก้อง โดยทั้งสองคนเคยซื้อเฟอร์นิเจอร์กันไปมา ก่อนจะมาเสนอขายรถ ซึ่งมาริโอ้ก็ไว้ใจและสนใจซื้อ เพราะปกติเล่นรถอยู่แล้ว เป็นการซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น G300 ในราคา 1.5 ล้านบาท ทำสัญญามัดจำไว้แล้ว 500,000 บาท เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2565 จะส่งมอบภายใน 60 วัน โดยนายก้องแจ้งว่าทะเบียนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นของมาริโอ้แล้ว แต่ในระยะเวลา 60 วัน ไม่สามารถทำรถได้ทัน จึงยกเลิกสัญญากัน และคืนเงินมัดจำกลับมาให้ ประเด็นสำคัญวันนี้ที่มาริโอ้ให้การคือไม่รู้เรื่องการกระทำความผิด เชื่อว่าคงไม่ผิดเรื่องรับซื้อของโจร เท่าที่รับฟังอาจจะเป็นผู้เสียหาย

รอง ผบช.สอท. กล่าวอีกว่า มาริโอ้ ยอมรับว่ามีความกังวล แต่ก็มั่นใจว่าไม่ผิด เพราะหลักยกเลิกสัญญาก็แจ้งให้นายก้องนำทะเบียนไปดำเนินการต่อตามขั้นตอนก่อน ซึ่งเจ้าตัวได้นำสำเนาสัญญาซื้อขายมาประกอบการสอบปากคำวันนี้ด้วย

ส่วนความคืบหน้าทางคดี ตอนนี้ดำเนินคดีไปแล้ว 2 คน ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับรถทั้ง 65 คัน จำนวน 65 คน ต้องเรียกมาสอบปากคำว่ารู้เห็นกับการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งสอบปากคำไปเกือบครบแล้ว ยังเหลือบางคนที่อยู่ต่างประเทศ ส่วนรถยนต์ขณะนี้ยึดมาได้แล้ว 16 คัน ขณะที่กรมการขนส่งทางบก ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดครั้งนี้แล้ว