โรคอุจจาระบาดก้น โรคที่พบบ่อยมีทั้งแบบเฉียบพลัน-เรื้อรัง แต่หลายคนอาย ปล่อยทิ้งไว้หลายเดือน กว่าจะยอมมาหาหมอ ปล่อยไว้ไม่รักษาเวลาขับถ่ายจะปวดมาก ไม่มีคำว่าอายสำหรับเรื่องสุขภาพ
โรคอุจจาระบาดก้น เพจ Health online by หมอเฉพาะทางโรคทางเดินอาหารและตับ เผยว่า อุจจาระบาดก้น เป็นโรคที่พบบ่อย แต่หลายคนอายไม่กล้าปรึกษาคนอื่น บางคนปล่อยทิ้งไว้หลายเดือน กว่าจะยอมมาหาหมอ ซึ่งโรคอุจจาระบาดก้น ทางการแพทย์เรียกว่า anal fissure หรือแผลที่รูทวาร ส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากท้องผูก อุจจาระแห้งและแข็ง เวลาขับถ่ายจึงบาดรูทวาร จนเกิดแผล โดยจะมีอาการปวดลักษณะแบบเจ็บจี๊ดเหมือนมีอะไรบาด ปวดมากเวลาขับถ่าย และอาจจะปวดหลังจากนั้นหลายสิบนาที หรือเป็นชั่วโมง อาจมีเลือดสดปนติดกระดาษทิชชู่ให้เห็นเวลาเช็ดก้น หรือบางคนก็รู้สึกคันระคายเคือง
เพจ Health online by หมอเฉพาะทางโรคทางเดินอาหารและตับ อธิบายถึงโรคอุจจาระบาดก้นเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง ต่างกัน ดังนี้
- ถ้าอุจจาระบาดก้นจนมีแผล ในระยะแรกภายใน 8 สัปดาห์เรียกว่าแผลเฉียบพลัน จะเห็นบาดแผลสดที่รูทวารหนัก
- ถ้าเป็นนานมากกว่า 8 สัปดาห์เรียกว่าแผลเรื้อรัง มักจะเห็นผิวหนังหนาขึ้นหรือเป็นติ่งเนื้อที่รูทวาร บางครั้งคนไข้คลำก้นเจอติ่งเนื้อ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นริดสีดวง
โรคอุจจาระบาดก้นนี้ หากปล่อยไว้ไม่รักษา หลังจากเกิดแผลที่ก้นแล้ว เวลาขับถ่ายจะปวดมาก กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักเกร็งและหดตัว ความดันหูรูดสูง เส้นเลือดบริเวณทวารหดตัวไปด้วย พอเลือดไปเลี้ยงบริเวณนี้ได้น้อยลง ก็ทำให้แผลที่ก้นเป็นมากขึ้นหรือไม่หายสักที
ส่วนใหญ่โรคอุจจาระบาดก้นเกิดจากอุจจาระแข็ง ท้องเสียเรื้อรังจนระคายเคืองรูทวาร คลอดลูก หรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร แต่ยังมีโรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดแผลที่ก้นได้ เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Crohn disease) มะเร็งรูทวาร (Squamous cell anal cancer) ติดเชื้อวัณโรคหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น HIV, Syphilis เป็นต้น เพราะฉะนั้นถ้ามีแผลที่ก้น ควรพบแพทย์ให้ตรวจว่าเป็นจากแค่อุจจาระบาดก้น หรือมีโรคอื่นๆ ซ่อนอยู่ แผลที่ด้านบนและล่างของรูทวารมักเกิดจากอุจจาระบาดก้น แต่ถ้าตำแหน่งแผลอยู่ด้านข้าง (lateral fissure) ต้องระวังว่ามีโรคอื่นซ่อนอยู่
เมื่อไปพบแพทย์ด้วยอาการอุจจาระบาดก้น คุณหมอจะดูรอบทวารหนักเพื่อหาแผลที่ก้น โดยทั่วไปคุณหมอจะไม่ใส่เครื่องมืออะไรเข้าไปที่ก้น ถ้าเป็นแผลสดเพราะคนไข้จะเจ็บมาก พิจารณาส่องกล้องลำไส้ใหญ่ในรายที่สงสัยว่าอาจจะมีโรคอื่นๆ ในลำไส้ร่วมด้วย
สำหรับการการดูแลรักษา แนะนำไว้ดังนี้
-ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้อุจจาระนิ่ม
-กินผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์ เพื่อให้อุจจาระเป็นก้อนนิ่ม แนะนำกินน fiber 20 กรัมต่อวัน อาจเสริมด้วยยาที่มี fiber เช่น psyllium ช่วงแรกที่ทาน fiber อาจมีท้องอืดได้เล็กน้อย
- Sitz bath แช่ก้นในน้ำอุ่นเพื่อให้กล้ามเนื้อหูรูดผ่อนคลาย และเพิ่มเลือดไปเลี้ยงแผลที่ก้นมากขึ้น จุ่มก้นในน้ำอุ่นประมาณ 10-15 นาทีต่อครั้ง 2-3 ครั้งต่อวัน ไม่ต้องใส่น้ำสบู่เพิ่มในน้ำอุ่น หลังจากแช่น้ำอุ่นแล้ว ควรเช็ดทำความสะอาดก้นให้แห้ง
- กินยาระบาย (stool softener) ในคนที่ท้องผูกและอุจจาระแข็ง เพื่อให้อุจจาระนิ่ม
- พิจารณาใช้ยาแก้ปวดแบบทา (topical analgesics)
- พิจารณาใช้ยาลดการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อและหลอดเลือดแบบทา (topical vasodilator)
เพจ Health online by หมอเฉพาะทางโรคทางเดินอาหารและตับ ย้ำทิ้งท้ายว่า ถ้าใครมีอาการที่สงสัยเป็นโรคนี้ เราไม่สามารถมองก้นตัวเองได้ ไม่มีคำว่าอายสำหรับเรื่องสุขภาพ ลองไปให้คุณหมอตรวจดู