“ชูศักดิ์” ให้กำลังใจ “เศรษฐา” ยืนยัน พรรคเพื่อไทย กลั่นกรองตรวจสอบคนมาดีแล้ว และมีความเหมาะสมที่จะเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ
วันนี้ ( 21 ส.ค.66) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เห็นใจ และเข้าใจ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ที่โดนตรวจสอบแบบเข้มข้นเอาเป็นเอาตาย จากกติการัฐธรรมนูญตามบทเฉพาะกาล 5 ปีแรก ที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่ภาวะปกติ แต่ก็ขอชื่นชมนายเศรษฐา ว่าเป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับตนเองว่าเป็นบุคคลสาธารณะ ยินดีต่อการถูกตรวจสอบ และชี้แจงเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา มีน้ำหนัก รับฟังได้ โดยเฉพาะเหตุผลว่าเป็นผู้ซื้อไม่ใช่ผู้ขาย ซื้อขายกัน ในราคาท้องตลาด นอกจากนั้น ตนยังเชื่อว่าบริษัทแสนสิริ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จำเป็นต้องมีธรรมาภิบาล มีอะไรไม่ถูกต้อง คงไม่อยู่รอดเจริญก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวค่อนข้างจะสับสนในเรื่องกติการัฐธรรมนูญ และข้อบังคับที่ปฏิบัติกันอยู่ขณะนี้ ข้อบังคับบอกการเห็นชอบนายกรัฐมนตรีไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ ต่างจากประธานสภาผู้แทนราษฏร เหตุผลก็คงเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสส.เขาไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ประกอบกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผ่านการตรวจสอบมาจากพรรคการเมือง เสนอต่อกกต.ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน แม้จะไม่ใช่การเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนั้น รัฐธรรมนูญบังคับว่าต้องเสนอคนที่มีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม จนถึงขณะนี้ไม่มีองค์กรใดบอกว่าคุณเศรษฐา ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ซ้ำรัฐสภาก็ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะมาวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ที่จะทำกันอยู่นี่ตนจึงมองว่าพิลึกพิลั่น เหมือนชกข้างเดียว เอาข้อมูลภายนอกมาอภิปรายกันไปมาคนเกี่ยวข้องถูกกล่าวหาไม่อยู่ในที่ประชุม แปลกประหลาดทั้งนี้ หากจะให้เป็นธรรมแล้ว ถ้าจะตรวจสอบกันก็ต้องมีกฏหมาย ข้อบังคับระเบียบต่างๆกำหนด เช่นขณะนี้ตนได้รับจดหมายจากกรรมาธิการสามัญวุฒิสภาขอให้ให้ข้อมูลเพื่อตรวจสอบประวัติของบุคคล เพื่อประกอบการแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระต่างๆ การเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 62 ก็ไม่มีมาแสดงวิสัยทัศน์ ไม่มีมาอภิปรายกัน 3-4 ชั่วโมงเหมือนที่จำทำกันอยู่ในวันที่ 22 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ยืนยันนายเศรษฐา มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ โดยพรรคได้ตรวจสอบกลั่นกรองมาอย่างดีแล้ว มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาและวิกฤตของประเทศที่ประสบอยู่ในปัจจุบัน จาก14พ.ค.66 ถึงขณะนี้สามเดือนกว่าแล้ว งบประมาณรออยู่ การแต่งตั้งโยกย้ายราชการรออยู่ ปัญหาประชาชนรออยู่ ถึงเวลาเดินหน้าประเทศได้แล้ว
