"ชูวิทย์" แฉครั้งสุดท้าย ตอกฝาโลงพฤติกรรมนอมินีพันคอ ไม่เหมาะเป็นนายกฯ

"ชูวิทย์" แฉครั้งสุดท้าย ตอกฝาโลงพฤติกรรมนอมินีพันคอ ไม่เหมาะเป็นนายกฯ

View icon 181
วันที่ 21 ส.ค. 2566 | 16.50 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชูวิทย์แฉครั้งสุดท้าย ตอกฝาโลง พฤติกรรมนอมินีพันคอ ซื้อที่ดินคอรัปชันผู้ถือหุ้น ไม่เหมาะเป็นนายกฯ งัดโฉนดที่ดินใจกลางสุขุมวิท 1 หมื่นล้าน โชว์รวยไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก แขวะถูกเศรษฐาโกรธ เพราะไม่ยอมขายคืนที่ดินของต้นตระกูลที่ถูกแบงก์ยึด

แฉเพื่อชาติตอนตอกฝาโลง วันนี้ (21 ส.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดแถลงข่าวโดยระบุว่าจะเป็นการ "แฉเพื่อชาติ" ครั้งสุดท้าย โดยเริ่มต้นการแถลงข่าว ด้วยการระบุว่า “ชูวิทย์” ถูกโจมตีในทุกๆ เรื่อง แต่คนอย่างผมไม่สิ้นไร้ไม้ตอก พร้อมนำโฉนดที่ดินมูลค่า 1 หมื่นล้าน ย้ำว่าฟังไม่ผิด เนื้อที่ 13 ไร่ เป็นที่ดินใจกลางสุขุมวิท ผมไม่ได้ติดหนี้แบงก์ เก็บโฉนดไว้อวดความร่ำรวย และขอเกริ่นเป็นเกร็ดว่า โฉนดแปลงที่เป็นต้นเหตุ คือแปลงที่มีชื่อ ดช.เศรษฐา ทวีสิน ต่อมาตกเป็นของชูวิทย์ ซึ่งเป็นโฉนดบ้านเก่าดั้งเดิมของตระกูลนายเศรษฐา ถูกธนาคารยึด โดยตนซื้อจากแบงก์เมื่อ ปี 42 เป็นโฉนด 9 แปลง ซึ่งนายเศรษฐาพยายามขอซื้อคืน พอตนไม่ยอมขายที่ดินคืนให้ ก็ไม่พอใจ

นายชูวิทย์ กล่าวว่า การแถลงข่าวใน EP สุดท้ายนี้ จะขอเปิดข้อมูลกรณีการซื้อขายที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่เศษ หรือ 884 ตร.ว. ภายในซอยสุขุมวิท 12 ซึ่งมีพฤติการณ์เหมือน Ep. ที่ผ่านมา โดยใช้รูปแบบตั้งบริษัทนอมินีที่มีนายโชคชัย อาชีพ รปภ. มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.มุกดาหาร เป็นผู้ถือหุ้น โอนที่ดินวันศุกร์ที่ 11 มี.ค.59 ต่อมามีการเปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้นจากบริษัทไทย ไปเป็นบริษัทต่างด้าว สัญชาติซามัว ในวันที่ 14 มี.ค.59 และมีการซื้อขายที่ดินในราคา ตร.ว. ละ 565,000 บาท ทำบันทึกที่กรมที่ดิน 499 ล้าน และบริษัทลูกของแสนสิริเข้าไปซื้อที่ดิน ภายในวันเดียวกัน หลังจากซื้อที่ดินในราคาถูก 499 ล้านบาทเศษ นำไปจำนองธนาคาร กู้ได้ 2,556 ล้าน

จากการเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดในบัญชี พบว่างบการเงินของ บมจ.แสนสิริ ลงบันทึกราคาที่ดินซื้อมาในราคา 1,850 ล้านบาท จากทำสัญญาซื้อบันทึกไว้คือ 499 ล้านบาท เมื่อนำไปหักกลบลบหนี้ต่างๆ แล้ว กรณีนี้จะมีเงินทอนหายไป 675 ล้านบาท และเมื่อไปตรวจสอบที่ทำการบริษัท ตามที่อยู่ที่เกาะฮ่องกง โดยเป็นบริษัทสัญชาติซามัว พบว่ามีสภาพเป็นเพียงแฟลต เรื่องนี้ มีการเตรียมการวางแผนอย่างเป็นระบบ เป็นการคอรัปชันต่อผู้ถือหุ้น
       
“ก่อนหน้านี้ บมจ.แสนสิริ ออกมาชี้แจงว่า บริษัทเป็นผู้ซื้อ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนอมินีที่เป็นผู้ขาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับมีความเกี่ยวข้องกับเครือญาติหรือคนใกล้ชิด พฤติการณ์ซ่อนเร้น อำพรางอย่างนี้ มีทั้งนอมินีทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วจะมาเป็นนายกฯ ได้อย่างไร" นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า ตนได้ทำหนังสือส่งไปถึง สส. และ สว.ทุกคน เพื่อขอให้พิจารณาข้อท้วงติงนี้ หากมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะขนาดเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังกล้าทำขนาดนี้ หากได้เป็นนายกรัฐมตรี จะทำให้ประเทศชาติเสียหายขนาดไหน

“วันนี้ถือว่าภารกิจแฉเพื่อชาติของผมจบลงแล้ว จากนี้ไปจะไม่ได้เห็นผมออกมาแฉใครเพื่อชาติอีกแล้ว ผมมีร่างกายที่ผุพังจากมะเร็งที่เกาะกิน ผมต้องกินยาเพื่อให้มีแรงออกมาแฉ ไม่เช่นนั้นคงนอนตายตาไม่หลับ ผมไม่ได้โกรธเคืองนายเศรษฐา แต่ขอให้นายเศรษฐามีจิตสำนึก นอมิมีพันคอ พฤติการณ์ทั้ง 3 Ep. ไม่เหมาะสมกับการเป็นนายกฯ " นายชูวิทย์ ทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง