เสี่ยตัณหากลับ แสร้งเป็นคนใจบุญ ลวงเด็ก 13 เข้าโรงแรม

เสี่ยตัณหากลับ แสร้งเป็นคนใจบุญ ลวงเด็ก 13 เข้าโรงแรม

View icon 297
วันที่ 24 ส.ค. 2566 | 19.09 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เสี่ยตัณหากลับ แสร้งเป็นคนใจบุญ เข้าหา ผอ.โรงเรียน ออกอุบายให้หาเด็กที่ครอบครัวยากจน จะชวนไปทำงานพิเศษ แต่กลับลวงเด็กหญิงวัย 13 เข้าโรงแรม

จากกรณีครอบครัวของเด็กหญิง อายุ 13 ปี นักเรียน ชั้น ม.1 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.กาญจนบุรี เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิวินวิน หลังเด็กหญิงวัย 13 ปี ถูกเสี่ย เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ทำทีเป็นคนใจบุญ ออกอุบายเข้าหาผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อให้หาเด็กที่ครอบครัวมีฐานะยากจน ชักชวนไปทำงานพิเศษ โดยอ้างว่าจะให้ไปทำความสะอาดบ้าน พร้อมให้ค่าแรงวันละ 350 บาท แต่กลับล่อลวงเด็กหญิงคนดังกล่าวเข้าโรงแรม พร้อมพยายามข่มขืนกระทำชำเรา แต่เด็กหญิง ไม่ยินยอม จนสามารถเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้ ก่อนที่เสี่ย คนดังกล่าว จะพาเด็กกลับมาส่งที่โรงเรียนพร้อมให้เงิน 350 บาท และกำชับไม่ให้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง ซึ่งหลังจากครอบครัวของเด็กทราบเรื่องจึงได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทางมูลนิธิวินวิน พร้อมเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำรอง เพื่อให้ดำเนินคดีกับเสี่ยหื่นรายดังกล่าวนั้น

ล่าสุด วันนี้ (24 ส.ค. 66) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอศาลจังหวัดกาญจนบุรีอนุมัติหมายจับ นายชาญพิชญ์ อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ในความผิด ฐานพรากเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเข้าไปควบคุมตัวผู้ก่อเหตุที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ท่าม่วง นำมาสอบสวนดำเนินคดี

โดยทันทีที่ผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวมาถึงสถานีตำรวจและพบกับสื่อมวลชนที่เฝ้ารอทำข่าว ผู้ก่อเหตุได้ยกมือไหว้ขอโทษ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน ก่อนจะเข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนทันที เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อเหตุจริง แต่ยังไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงคนดังกล่าวแต่อย่างใด

ขณะที่ พ.ต.อ.อนันต์ไพศาล แดงดอนไพร ผกก. สภ.สำรอง กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบปากคำครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียหาย รวมถึงพยานบุคคลรายอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้ดำเนินการตรวจสอบภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ผู้ก่อเหตุขับรถเก๋ง พาเด็กหญิงผู้เสียหายเข้าไปภายในโรงแรม ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ศาลอนุมัติหมายจับ และทางตำรวจมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีทั้งหมดจะสามารถดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ทางผู้ก่อเหตุ ได้ออกมากล่าวคำขอโทษกับทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิวินวิน ที่ลงมาให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียหาย โดยยอมรับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุจริง และยืนยันว่าลงมือก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก ไม่เคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะขอไปให้การในชั้นศาลต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง