ศาลอนุมัติหมายจับ 6 ราย คดีพ่อฆ่าเมียและลูก 3 ศพ

View icon 306
วันที่ 29 ส.ค. 2566 | 16.31 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ตำรวจออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา คดีพ่อฆ่า 3 ศพ หวังจบปัญหาหนี้สิน ขณะที่เพื่อนร่วมงานแสดงความบริสุทธิ์ ถูกยืมเงินไปกว่าล้านบาท ด้านพี่ชายผู้ก่อเหตุ ปฎิเสธไม่ให้นำศพกลับไปบำเพ็ญที่สมุทรปราการ

กรณี นายสาณิช (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ก่อเหตุฆ่า นางสาววิภาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ภรรยา พร้อมลูกชายอายุ 11 ปี และ 13 ปี รวม 3 ศพ ก่อนปาดคอตนเองหวังจบปัญหาแต่สุดท้ายไม่ตาย สาเหตุมาจากปัญหาหนี้สินจากการค้ำประกันรถยนต์ให้กับอดีตนายจ้าง แถมเคราะห์ซ้ำ ภรรยาถูกแอพเงินกู้ หลอกโอนเงินไปกว่าล้านบาท

ล่าสุด พลตำรวจตรี พัลลพ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ระบุว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับแล้ว 6 ราย เป็นบัญชีม้าแถวแรกที่ผู้ตายโอนเงินไปให้แก๊งมิจฉาชีพ จำนวน 5 ราย อีกรายเป็นหมายจับ นายสาณิช ผู้ก่อเหตุในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานเพิ่มเติม

วันเดียวกัน นางนิภาลัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปีพร้อมเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต จำนวน 7 คน เข้าพบ ตำรวจ สภ.บางแก้ว เพื่อแสดงความบริสุทธ์ใจ โดยทุกคนยืนยันว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ให้ยืมเงิน ไม่ใช่กลุ่มเงินกู้นอกระบบตามที่มีกระแสข่าว

นางนิภาลัย บอกว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ส่งข้อความมาขอยืมเงิน บอกว่า ตอนนี้ติดปัญหาเรื่องบ้าน ขอยืมเงิน 300,000 บาท แต่ให้ยืมไปแค่ 100,000 บาท

นางนิภาลัย บอกต่อว่า ส่วนคนอื่นก็ให้ยืมแสนสองแสน สูงสุดโดนยืมไป 900,000 บาท รวมทั้งหมดที่มาวันนี้ 1,390,000 บาท โดยส่วนของตนนั้นไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้ แต่ที่ให้ยืมเพราะรู้จักกันมานานเป็น 10 ปี และหลังจากที่ให้ยืมเงินไปแล้ว ผู้เสียชีวิตก็โทรมาพูดคุยเรื่องที่ถูกแก๊งคอนเซนเตอร์โกงเงิน ก็มีทวงถามไปว่าจะใช้เงินคืนอย่างไร ทางผู้เสียชีวิตก็ได้แต่ร้องไห้ และบอกว่าขอโทษ

ในทางคดีตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ตรวจสอบพบเงินของผู้เสียหายถูกโอนต่อไปยังบัญชีม้า 2 แถว รวม 8 บัญชี ส่วนชื่อผู้เปิดบัญชีม้า มี 5 รายชื่อ ตำรวจมีข้อมูลหมดแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ได้ออกหมายจับไปตามรายชื่อทั้ง 5 รายชื่อ อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตามหมายจับ

ขณะเดียวกันพบว่า เงินที่ถูกโอนไปยังบัญชีม้าถูกถอนออกมาเป็นเงินสด และถูกโอนไปต่างประเทศ อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวคนที่มากดเงินจากบัญชี รวมถึงประสานกับทางธนาคารเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินและติดตามกลุ่มดังกล่าวว่ามีใครเกี่ยวข้องเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา นายสุรศักดิ์ อายุ 66 ปี บิดาของนางสาววิภาพร เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.บางแก้ว ร้องทุกข์กล่าวโทษนายสาณิชสามีของนางสาววิภาพรในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 

บิดาของนางสาววิภาพร พูดถึงกรณีญาติของนายสาณิช นำศพแม่ลูกรวม 3 ศพ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดกำแพงเพชร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ตกลงกันแล้วว่า จะนำศพลูกสาวและหลานชายตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ที่วัดหนามแดง เนื่องจากมีญาติพี่น้องที่ทำงานในพื้นที่นี้และสะดวกทั้งสองฝ่าย

นายสุรศักดิ์ ระบุว่า ในฐานะของบิดานางสาววิภาพร ต้องการนำศพลูกสาวและหลานชายทั้งสองคนมาไว้ที่วัดหนามแดง และจะไปคุยกับญาติของนายสาณิชให้รู้เรื่อง ส่วนจะแจ้งความเอาผิดในข้อหาลักศพหรือไม่นั้น ไม่ขอตอบ แต่ยืนยันว่าต้องนำศพกลับมา

ทั้งนี้ที่ผ่านมาติดต่อบุตรสาวไม่ได้มา 2-3 เดือนแล้ว โทรไปไม่รับสายแต่ลูกสาวก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง และเห็นใช้ชีวิตตามปกติสุข ส่วนลูกเขยเป็นคนดี จึงไม่ทราบเรื่องมาก่อน

ส่วนที่วัดถนนงาม ในอำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งครอบครัวของผู้เป็นพ่อ ได้นำศพภรรยาและลูกชายของผู้ก่อเหตุมาบำเพ็ญกุศล เมื่อทีมข่าวไปถึงพบว่าญาติ ๆ กำลังถวายอาหารเพลแก่พระสงฆ์

พี่ชายของผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่า รับศพมาถูกต้องตามกฎหมาย และจะบำเพ็ญกุศลที่วัดจนถึงการพิธีฌาปนกิจวันเสาร์ที่ 2 กันยายน แต่หากญาติฝ่ายหญิงจะมานำศพกลับไป ยืนยันว่าไม่ให้ศพไปอย่างแน่นอน แต่สามารถมาร่วมงานได้ ไม่มีปัญหา

ส่วนน้องชายที่ก่อเหตุ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอยู่ เพราะบาดเจ็บสาหัสโดยระหว่างที่ทีมข่าวกำลังคุยกับพี่ชายผู้ก่อเหตุ ก็มีวิดีโอคอลจากผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุยกับพี่ชาย มีการพูดคุยถึงอาการบาดเจ็บ ผู้ก่อเหตุเองก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบโต้

พี่ชายผู้ก่อเหตุบอกว่า วันที่ 2 กันยายนจะทำพิธีฌาปนกิจทั้ง 3 ศพพร้อม ๆ กัน โดยตั้งกองฟอนในวัด เนื่องจากที่วัดมีเมรุเดียว พร้อมกันนี้ยังได้นำหลักฐานที่ได้รับศพทั้ง 3 มาบำเพ็ญกุศลที่ตำรวจออกให้มายืนยันกับทีมข่าว

พี่ชายผู้ก่อเหตุ ยังบอกอีกว่า เรื่องเงินกว่า 2,000,000 บาทที่มีการเปิดรับบริจาคนั้น ตนไม่ทราบเรื่องการรับบริจาคอะไรด้วย ส่วนเงินในการทำศพ ยืนยันว่ามีกำลังเพียงพอที่จะดำเนินการ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ได้รับการประสานจากโรงเรียนของหลานทั้ง 2 คน ว่าจะนำเงินมามอบให้เพื่อจัดการงานศพในวันไหน ตอนนี้ขอจัดงานศพให้แล้วเสร็จก่อน

ขณะที่หน่วยราชการที่เข้าช่วยเหลือในการทำศพผู้เสียชีวิต ล่าสุดปิดรับบริจาคแล้ว หลังมียอดเงินเข้าบัญชีสูงกว่า 2,300,000 บาท ซึ่งทางโรงเรียนจะชี้แจงเรื่องเงินบริจาคต่อไปหลังเสร็จพิธีศพ ส่วนเรื่องเงินจะไม่ให้ญาติทั้ง 2 ฝ่ายมายุ่งเกี่ยวเพื่อตัดปัญหา หากมีเงินเหลือ อาจจะนำไปทำบุญกับโรงพยาบาล หรือสถานที่อื่น ๆ ตามสมควร

ล่าสุด นายสุรศักดิ์ พ่อเลี้ยงของนางสาววิภาพรที่เสียชีวิต เปิดใจไม่นำศพลูกสาวและหลานมาไว้ที่วัดหนามแดง แล้ว ให้จัดงานที่กำแพงเพชร ส่วนตนเองและครอบครัวจะไปร่วมงานในวันเผาแล้วกลับทันที เพื่อความสบายใจและไม่อยากให้สังคมตราหน้าว่าแย่งศพกัน แต่อาจจะขอนำกระดูก กลับมารวมกับแม่ของเขาที่วัดหนามแดง

ขณะที่นายวัชรินทร์ โตขาว รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ ในฐานะผู้กำกับดูแลเรื่องเงินบริจาคของโรงเรียนบางแก้วประชาสรรค์ บอกว่า เงินบริจาคยังอยู่ในบัญชีของโรงเรียน ยังไม่มีการเบิกไปใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น และจะไปร่วมงานที่กำแพงเพชร

ส่วนหลังจากงานศพก็จะนำเงินที่เหลือจากการจัดงาน ไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลเพื่อให้ทุกคนสบายใจ และอุทิศบุญให้กับผู้เสียชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง