สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - จากปฏิบัติการที่ DSI บุกเข้าให้การช่วยเหลือ เด็กชายแทนไท ที่เชื่อว่าเกิดจากการอุ้มบุญผิดกฎหมาย เมื่อเดือนพฤษภาคม ผ่านมา 3 เดือน คดีนี้ยังไม่จบ ล่าสุดไปบุกค้นสถานพยาบาล 3 จุด ที่เชื่อมโยงกับขบวนการนี้ พร้อมจับกุมนายหน้า 1 คน ที่ได้ทรัพย์สินจากการกระทำผิด เป็นที่ดินกว่า 100 ไร่
หลังจากที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ขยายผลคดีพิเศษ ขบวนการลักลอบจัดหาหญิงไทยรับจ้างตั้งครรภ์แทน หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า อุ้มบุญ ให้กับผู้ว่าจ้างชาวต่างชาติ ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในจังหวัดหนองคาย บุกไปช่วยเหลือ เด็กชายแทนไท ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในซอยจรัญสนิทวงศ์ 53 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ได้สำเร็จ
นายอัษฏาวุธ ศรีปิตา ผู้ช่วยโฆษก DSI และ ร้อยตำรวจเอก ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ DSI ได้แถลงความคืบหน้าคดีนี้ว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา DSI ได้ร่วมกับกรมสนับสนุนทางการแพทย์ และตำรวจในพื้นที่ ร่วมกันตรวจค้นสถานพยาบาล 3 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้การช่วยเหลือเด็กอีก 6 คน ที่เตรียมถูกส่งตัวไปประเทศจีน พร้อมจับกุม นายสุเนตร 1 ในกลุ่มนายหน้าที่ถูกออกหมายจับได้ที่จังหวัดหนองคาย พร้อมของกลางบัญชีรายชื่อหญิงที่รับจ้างอุ้มบุญผิดกฎหมาย และบัญชีรายได้จากการกระทำผิด
จากการสอบสวน พบว่า นายสุเนตร ทำหน้าที่เป็น 1 ในนายหน้าคนไทย คอยจัดหาหญิงไทยที่มีคุณสมบัติพร้อม เน้นคนที่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปทำอุ้มบุญ จนมีทรัพย์สินเป็นที่ดินมากกว่า 100 ไร่ ซึ่งหลังสอบสวน ได้พาตัวไปขออำนาจศาลฝากขังแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอีก 2 คน คือ นายพิเชษฐ์ และ นางสาวนริศรา ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
ส่วนการตรวจค้น สถานพยาบาลทั้ง 3 แห่ง พบว่ามีลักษณะเป็นนอมินี มีคนไทยเป็นผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการ แต่มี 1 แห่ง ที่พบว่าไม่มีการขอใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เบื้องต้น พบว่าตัวสถานบริการยังไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดโดยตรง แต่มีบุคลากรในแต่ละสถานพยาบาล เกี่ยวข้องในแต่ละหน้าที่ เช่น ตรวจครรภ์, การคลอด, การรักษาและดูแลสุขภาพของหญิงอุ้มบุญ และยังพบว่า ทั้ง 3 แห่ง มีความเชื่อมโยงถึงกัน
สำหรับเป้าหมายของขบวนการอุ้มบุญ จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบความเป็นไปได้ 2 กรณี กรณีแรกเกิดจากพ่อและแม่ชาวต่างชาติต้องการอยากมีลูกจริง ๆ จึงเลือกวิธีนี้ ส่วนกรณีที่ 2 คือ ผู้ว่าจ้างต้องการเด็กที่มีสายเลือดของตนเอง เพื่อที่จะนำไปผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะกับผู้ว่าจ้าง อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย ฐานร่วมกันดำเนินการให้ตั้งครรภ์แทน เพื่อมีประโยชน์ทางการค้า และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกัน จึงฝากเตือนไปถึงคนที่คิดจะกระทำผิด ให้ระวังการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย