ทัณฑสถาน รพ. โต้ข่าว สุดยากส่งนักโทษป่วยหลอดเลือดสมอง ไปรักษา รพ.ภายนอก แจงยิบขั้นตอนการรักษาจนหายเป็นปกติ นำตัวกลับเข้าคุมขังในเรือนจำตามเดิม
ความคืบหน้ากรณี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคก้าวไกล หยิบยกแซ็ตไลน์จากหมอ ซึ่งระบุถึงเคสนักโทษป่วยสมองขาดเลือด รพ.ราชทัณฑ์ไม่มียา-เครื่องมือไม่พอ แต่เป็นเรื่องยากที่จะส่งไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก จึงขออธิบดีกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
ล่าสุด ทัณทสถานโรงพยาบาลราชหทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง โดยระบุว่าตามข้อความที่ปรากฎในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ การรักษาพยาบาล รวมถึงบุคคลที่ถูกกล่าวถึง จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ข้อมูลนั้นไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นการสื่อสารอย่างไม่ครบถ้วนทำให้เกิดความเสียหาย รวมถึงข้อมูลการเจ็บป่วยทางจิตใจที่ไม่สามารถกล่าวในรายละเอียดได้เนื่องจากจะส่งผลกระทบโดยตรงกับตัวบุคคล อย่างไรก็ตาม จะมีการดำเนินการตรวจสอบช้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อดำเนินการต่อไป
กรณีผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง เป็นนักโทษชาย อายุ 47 ปี จากเรือนกลางคลองเปรม เข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.65 ด้วยอาการไม่สามารถออกเสียงเป็นคำได้ 2 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล ไม่มีอาการแขนขาอ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองได้ปกติ มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อย ตรวจ CT brain ผลปกติ แพทย์จึงรับตัวไว้รักษาโดยหอผู้ป่วย ให้การรักษาตามมาตรฐาน ตรวจทางห้องปฏิบัติการและสังเกตอาการตามแนวทางการรักษาและได้ส่งออกรักษาตามความเห็นแพทย์ประจำหอผู้ป่วย ในวันเดียวกัน
“ต่อมาวันที่ 21 ธ.ค.65 ผู้ป่วยได้รับการรักษาฟื้นฟูการพูดที่สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ปัจจุบันพูดคุยได้ตามปกติ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ปกติและอยู่ภายในเรือนจำ”
ส่วนกรณีอาการป่วยของ ผู้ต้องขังหญิววารุณี วีระศักดิ์ มีประวัติประสงค์อดอาหารต่อเนื่อง จากทัณฑสถานหญิงกลาง เข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาล วันที่ 30 ส.ค.66 โดยมีการดำเนินการตามมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง เรื่องการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอดอาหาร (SO Ps) ที่กรมราชทัณฑ์กำหนดอย่างเคร่งครัดคำนึงถึงสิทธิเสริภาพ ศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์บนพื้นฐานวิชาชีพ มีทีมสหวิชาชีพร่วมดูแล และติดตามอาการผู้ป่วยตามแนวทางปฏิบัติ มีการวางแผนเตรียมความพร้อมกรณีส่งรักษาต่อ และให้คำแนะนำทั้งในส่วนของอาการ การปฏิบัติตัว ความเสี่ยง แนวทางการรักษา การส่งต่อตามแนวทางปฏิบัติเป็นข้อมูลให้ผู้ป่วยทราบและให้ข้อมูลอาการผู้ป่วยแก่ญาติทราบเป็นระยะ โดยผู้ป่วยปฏิเสธการรับการรักษา การให้สารน้ำและยาทางหลอดเลือด พิจารณาแล้วเพื่อลดความเสี่ยงอาการวิกฤติอันตรายต่อชีวิต ต่อมาได้ส่งตัวรักษาต่อโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติตามแนวทางปฏิบัติ
