ร้องถูกนำบัตรประชาชนไปใช้ ตกเป็นผู้ต้องหาคดี เสพยาเสพติด

View icon 68
วันที่ 6 ก.ย. 2566 | 16.32 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ถูกบริษัทที่ทำงานตนเองอยู่เรียกไปให้เซ็นใบลาออก เนื่องจากพบว่าตนเองมีประวัติถูกจับในคดียาเสพติด ชายคนดังกล่าวก็งง ว่าตนเองไปเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดได้อย่างไร จึงเดินทางไปตรวจสอบลายนิ้วมือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สิ่งที่พบปรากฏว่า  ลายนิ้วมือของตนเองกับคนที่ถูกจับไม่ตรงกัน เพราะตนเองมี 11 นิ้ว แต่คนที่ถูกจับมี 10 นิ้ว เรื่องนี้ทำให้ผู้เสียหายต้องเสียสิทธิหลายอย่าง และต้องมีคดีติดตัวไปตลอดชีวิต

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พา นายธวัชชัย เถาชาลี อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดชลบุรี ผู้เสียหาย ร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรม กรณีถูกคนร้ายนำบัตรประชาชนไปใช้จนตกเป็นผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติด จำนวน 2 คดี เมื่อปี 2554 และ 2557 ทำให้มีประวัติอาชญากรติดตัวไม่สามารถเดินทางออกไปทำงานที่ต่างประเทศได้

นายธวัชชัย เผยว่า เมื่อปี 2554 สภ.เมืองพัทยา จับคนร้ายคดียาเสพติดได้ และผู้ต้องหาใช้สำเนาของตนเองจึงถูกกรมคุมประพฤติเรียกไปรายงานตัว ตนเองได้ปฏิเสธไปว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ต่อมา ปี 2555 ตนเองได้เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง โดยได้ทำงานอยู่สักระยะหนึ่ง ทางบริษัทได้ตรวจสอบพบว่าตนเองมีประวัติคดียาเสพติด จึงให้ตนลาออก ซึ่งได้ปฏิเสธไปว่าไม่เกิดก่อคดีดังกล่าว และตนเองได้ไปตรวจสอบลายนิ้วมือระหว่างตนเองกับผู้ต้องหาตัวจริงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ผลตรวจยืนยันลายนิ้วมือไม่ตรงกับผู้ต้องหาตัวจริง เพราะตนมี 11 นิ้ว แต่ผู้ต้องหามี 10 นิ้ว จนบริษัทให้ทำงานต่อ ตนเองขอยืนยันไม่เคยทำบัตรประชาชนหาย และไม่รู้จักคนร้ายแต่อย่างใด

กระทั่งปี 2557 ตำรวจ สภ.ประทาย จังหวัดนครราชสีมา ได้จับตัวคนร้ายในข้อหายาเสพติดอีกครั้ง และยังใช้สำเนาฉบับเดิมของตนเองอีก ทำให้ตนเองถูกเจ้าหน้าที่คุมประพฤติเรียกรายงานตัวอีกรอบ ซึ่งตนได้พาทนายไปยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าตนเองไม่เคยถูกดำเนินคดีอะไรมาก่อน

ตนเองขอยืนยันไม่เคยทำบัตรประชาชนหาย และไม่รู้จักคนร้ายแต่อย่างใด ตนเองเชื่อว่า เอกสารที่หลุดไปถึงมือคนร้ายได้ น่าจะมาจากการที่ตนเองไปสมัครงานเมื่อช่วงปี 2550-2557

อย่างไรก็ตาม ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตนไม่สามารถเดินทางไปทำงานต่างประเทศได้เพราะยังมีชื่อในประวัติอาชญากร ทำให้ขาดโอกาสสร้างรายได้