นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ ห่วง รัฐผ่อนเกณฑ์ใช้งบประมาณ เดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เสี่ยงเกิดหนี้เพิ่ม

View icon 126
วันที่ 11 ก.ย. 2566 | 07.09 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - หลังรัฐบาล จ่อใช้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แทนการออก พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพื่อเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็มีเสียงท้วงติงจากนักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ ว่า อาจทำให้ฐานะการเงินของไทยเกิดความเสี่ยงเป็นหนี้เพิ่มขึ้น

นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ ห่วง รัฐผ่อนเกณฑ์ใช้งบประมาณ เดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เสี่ยงเกิดหนี้เพิ่ม
กรณีกระทรวงการคลัง หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแหล่งเงินในการขับเคลื่อนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินประมาณ 560,000 ล้านบาท ที่มีข้อเสนอว่า อาจนำพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ เข้ามาเป็นเครื่องมือโดยไม่ต้องออกพระราชกำหนดกู้เงิน

อาจารย์ นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า หากรัฐใช้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ เป็นเครื่องมือจริง ตรงนี้จะกระทบกับวินัยทางการเงินการคลังที่รัฐพึงมี

ทำให้ประเทศเสี่ยงต่อภาระทางการเงินเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งรัฐบาลก็ยังมีปัญหาด้านวิธีการแจกเงินตามนโนบายนี้ จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนโดยเฉพาะวงเงินกู้ ที่จะใช้ในการแจกเงินดิจิทัล ควรต้องมีความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่ต้องการจะกระตุ้นเพื่อลดความเสี่ยง ไม่ให้เกิดภาวะล้มละลาย

ส่วนประเด็นที่ นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณ จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนส่งเงินถึงมือประชาชน อาจารย์นณริฏ กล่าวว่า ในตรงนี้ต้องรอดูความชัดเจน แต่เบื้องต้น หากทำในลักษณะคล้ายกับในกาสิโน ซึ่งมีจุดแลกชิป หรือ เหรียญให้ใช้แทนเงิน แล้วมีหน่วยงานกลางรับแลกเหรียญนี้ก็อาจทำได้ แต่หากเป็นเงินคริปโทเคอร์เรนซี ตรงนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า กฎหมายเกี่ยวกับการเงินของไทย ไม่ได้อนุญาตให้ทำ จึงยังผิดกฎหมายอยู่

ฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไทยเสี่ยงมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์ ของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) กล่าวว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท อาจมีผลทำให้หนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มีรายงานว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 10.97 ล้านล้านบาท คิดเป็นเกือบ 62% ของจีดีพี แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง