ห้องข่าวภาคเที่ยง - อดีตนักร้องวงดนตรีสัญชาติญี่ปุ่น และอินฟลูเอนเซอร์ ในแอปพลิเคชัน TikTok ไปติดตามความคืบหน้าคดีที่ถูกช่างภาพอิสระรายหนึ่ง แอบตั้งกล้องถ่ายภาพขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ สน.สุทธิสาร ขณะที่ตัวผู้ก่อเหตุก็ตามไปพบผู้เสียหาย ยอมรับว่าได้ทำผิดจริง เพียงเก็บไว้ดูส่วนตัว ไม่ได้นำไปเผยแพร่
อดีตนักร้องวงดนตรีสัญชาติญี่ปุ่น และอินฟลูเอนเซอร์ ในแอปพลิเคชัน TikTok พร้อม นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" ไปติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับช่างภาพอิสระรายหนึ่ง ที่ได้ว่าจ้างให้ถ่ายภาพเพื่อใช้ในการโพรโมตงาน และทำกิจกรรม Fan Meeting แต่จับได้ว่าแอบติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อแอบถ่ายภาพผู้เสียหายขณะทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว
หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ได้ว่าจ้างช่างภาพรายนี้ให้ไปถ่ายรูปโพรโมต เพื่อทำกิจกรรมแฟนคลับ Meeting เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา โดยช่างภาพรายนี้ได้เลือกสถานที่ถ่ายภาพ หรือ สตูดิโอ ที่ย่านสุทธิสาร เป็นที่ถ่ายทำ และได้เข้าไปจัดเตรียมสถานที่ล่วงหน้าก่อนที่ตนเองจะไปถึง ซึ่งเมื่อไปถึงก็ได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดทันที ระหว่างนั้นก็ไปสังเกตเห็นนาฬิกาดิจิทัลเรือนหนึ่ง วางอยู่ในลักษณะผิดสังเกต และเลขบนนาฬิกาก็ไม่เป็นปัจจุบัน จึงใช้ไฟฉายโทรศัพท์มือถือส่องตรวจสอบ พบไฟสีแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการบันทึกภาพอยู่ในนาฬิกาเรือนดังกล่าว
จึงนำไปทวงถามความจริงกับช่างภาพ แต่เจ้าตัวได้ปฏิเสธ พร้อมบอกปัดว่าเป็นของสตูดิโอ แล้วทำทีเป็นนำนาฬิกาไปแกะแบตเตอรี่เพื่อตรวจสอบ แล้วขอนำกลับไปเอง อ้างว่าจะนำไปแจ้งความดำเนินคดีให้ ต่อมาตนเองได้ตรวจสอบข้อมูลกับเว็บไซต์ออนไลน์ จึงพบว่า มีคนเคยเตือนให้ระวังช่างภาพรายนี้ และยังมีภาพนาฬิกาดิจิทัลเหมือนกับที่เจอกับตัวเอง จึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สุทธิสาร รอบหนึ่ง ก่อนติดต่อช่างภาพรายนี้อีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม จนกระทั่งตนเองได้สอบถามกับทางสตูดิโอ และได้ดูภาพวงจรปิด เห็นชัดเจนว่า ช่างภาพรายนี้ เป็นคนนำนาฬิกาดิจิทัลที่มีกล้องแอบถ่ายไปติดตั้ง จึงได้ประสาน "กัน จอมพลัง" ให้ช่วยพาเข้าแจ้งความดำเนินคดี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก่อนที่ช่างภาพรายนี้ จะนัดหมายขอเจรจากับผู้เสียหาย
ซึ่งเมื่อถึงเวลา ช่างภาพคนดังกล่าว ก็มาพร้อมทนายความ สีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เสียหาย ตัวผู้เสียหายเองก็มีอาการมึนศีรษะและหวาดกลัว ก่อนที่ช่างภาพจะยอมรับว่าเป็นคนที่ติดตั้งกล้องจริง โดยได้แอบถ่ายนางแบบไป 3-4 คน เท่านั้น ตั้งใจเก็บไว้ดูส่วนตัวเพื่อสำเร็จความใคร่ ไม่ได้นำไปเผยแพร่ต่อ พร้อมกับขอโทษผู้เสียหาย เสนอจะชดใช้เงินเยียวยา และสัญญาว่าจะไม่กระทำผิดแบบนี้อีก ส่วนผู้เสียหาย ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการพิจารณาความผิดที่เกี่ยวข้อง