รถรับส่งนร. ทับขาเด็กในโดมโรงเรียนหัก 2 ท่อน ยังไร้เงาผู้บริหารรับผิดชอบ

รถรับส่งนร. ทับขาเด็กในโดมโรงเรียนหัก 2 ท่อน ยังไร้เงาผู้บริหารรับผิดชอบ

View icon 312
วันที่ 17 ก.ย. 2566 | 08.46 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พ่อร้องลูกถูกรถนักเรียนขับทับในโดมโรงเรียน จนขาขวาหัก 2 ท่อนผ่านไป 5 วัน ยังไม่ได้รับการเหลียวแล หรือ รับผิดชอบใด ๆ

รถกระบะขับทับนักเรียนที่กำลังนั่งอยู่ในโดมเอนกประสงค์ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลคลองตะเคียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกล้องวงจรปิดของวันที่ 11 กันยายน 2566 จับภาพไว้ได้ อยู่ ๆ รถกระบะคล้ายรถรับส่งนักเรียน ได้พุ่งเข้ามาในโดมแล้วทับร่างของเด็กนักเรียน ก่อนจะหยุดนิ่ง จากนั้น คนขับรถ พร้อมผู้โดยสารได้เปิดประตูลงมาดู  ก่อนที่กู้ภัยจะนำส่งโรงพยาบาล

ล่าสุดทีมสนามข่าว 7 สี เดินทางไปที่บ้านของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ ที่จ.พระนครศรีอยุธยา พบกับชายอายุ 47 ปี ผู้เป็นพ่อ และน้องเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เด็กนัดเรียนชายที่ได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบถาม ผู้เป็นพ่อเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 เวลาประมาณ 16.00น. ขณะที่ลูกชายกำลังนั่งดูเพื่อนเล่นกีฬาอยู่ในโดมเอนกประสงค์ของโรงเรียน จู่ๆมีรถกระบะคันหนึ่ง ซึ่งเป็นรถรับส่งนักเรียน พุ่งเข้ามาชนและทับร่างลูกชาย จนเพื่อนๆที่อยู่แถวนั้นรีบวิ่งเข้ามามุงดู ก่อนที่กู้ภัยจะนำลูกชายส่งโรงพยาบาล

เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่าลูกชายขาข้างขวา บริเวณหน้าแข้ง หัก 2 ท่อน จะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักระยะ หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น ตอนที่ลูกชายนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทางคู่กรณี ครูประจำชั้น เดินทางมาเยี่ยมส่วนตัว ไม่ได้มาในนามโรงเรียน และมีเพื่อนๆลูกชาย เดินทางมาเยี่ยมทุกวัน กระทั่งเวลาล่วงเลยไปกว่า 5 วัน ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางโรงเรียน หรือผู้บริหารเลย จึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงสังคมออนไลน์ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่โรงเรียนติดต่อมา บอกให้ลบโพสต์ พร้อมแจ้งว่า ผู้บริหารติดภารกิจ เนื่องญาติเสีย ซึ่งอยู่ระหว่างประกอบพิธีทางศาสนา

ขณะเดียวกันตนเองพอทราบว่าผู้บริหารนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งการประกอบพิธีการทางศาสนานั้น ใช้เวลาเพียง 1 วันไม่ใช่หรือ ไม่ได้ประกอบพิธีหลายวัน ขอเวลาเพียงครู่เดียว ที่จะแวะเวียนมาดูแลลูกศิษย์บ้าง

พ่อเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ บอกอีกว่า อยากให้มาเยี่ยมกันบ้าง แค่นิดเดียวก็ดีใจแล้ว ไม่ใช่ว่าได้ยินว่าพ่อไม่พอใจ ถึงติดต่อมา และอยากฝากว่า รถอย่าไปวิ่งในโรงเรียน ถึงจะวิ่งก็ต้องมีคนโบก เพราะนักเรียนไม่ได้ระวังตัว เวลาเล่นกัน อีกทั้งเป็นสถานที่ในโรงเรียนมันไม่ได้เป็นถนน

สำหรับลูกชายอายุ 13 ปี ที่ถูกรถทับ บอกว่า ตอนนี้ปวดขามาก ซึ่งหลังจากนี้จะต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และเตรียมเดินทางไปพบแพทย์อีกครั้งเพื่อใส่เฝือกที่ขาข้างขวา