โอนคดีมากองปราบ ทั้งคดีกำนันนกสั่งยิง-ตำรวจทุจริต รองผู้บังคับการกองปราบฯ เผยคดียิงชัดเจนแล้ว พยานหลายปากให้การวินาทียิงสารวัตรแบงค์ ทั้งโต๊ะที่กำนันนกนั่งอยู่ และโต๊ะวีไอพี ส่วน ผู้กำกับ สน.พญาไท ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีตั้งแต่วันแรก ไม่ได้บิดพลิ้ว
รองผู้บังคับการกองปราบปราม ย้ำ มีพยานหลายปากให้การวินาทียิง “สารวัตรแบงค์” ชัด อยู่ระหว่างพิจารณาหลักฐาน-คำให้การ ก่อนแจ้งข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพิ่ม พร้อมระบุ “ผู้กำกับพญาไท” ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีตั้งแต่วันแรก ไม่ได้บิดพริ้ว พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
คดีกำนันนก วันนี้ (17 ก.ย.66) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เดินทางเข้ามาประชุมที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ทีมของกองปราบฯ เข้ามาสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามโอนสำนวนทั้ง 2 เรื่อง คือ เรื่องคดีกำนันนกสั่งการให้ยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ และคดีทุจริตของตำรวจทั้ง 6 นาย ไปที่กองปราบฯ แล้ว
“หลังจากรับโอนสำนวน ขั้นตอนหลังจากนี้ ก็จะต้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในสำนวนว่า สำนวนคดีเดิมได้ดำเนินการครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าครบถ้วนถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติม แต่หากยังไม่ครบถ้วนถูกต้อง จะต้องทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์” พ.ต.อ.เอนกระบุ
ในส่วนของประเด็นตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา ประกอบกับต้องดูพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และดูพฤติการณ์ต่างๆ ว่า แต่ละคนได้ทำอะไรบ้าง ซึ่งต้องนำข้อเท็จจริงมาพิจารณากัน
ส่วนเรื่องตำรวจให้การไม่ตรงกันนั้น ส่วนนี้จะจริงหรือให้การเท็จ ต้องดูว่าในการสอบสวนครั้งแรกที่ตำรวจแต่ละนายได้ให้การไว้นั้น ครบถ้วนหรือไม่ เพราะบางกรณีอาจจะให้การไว้ในมุมที่เขารับรู้ แต่ว่าภายหลังที่ได้สอบกันเพิ่มเติม เขาอาจให้การเพิ่มเติมขึ้นมา อย่างนี้เรียกว่า “ไม่ได้ให้ข้อมูลเท็จ” แต่ในบางนายก็มีให้การว่า “ไม่รู้ ไม่เห็นเลย” แต่ภายหลังบอกว่า “รู้เห็น” ขึ้นมา ซึ่งก็ต้องดูไปในแต่ละเรื่องและอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเข้าข่ายให้การเท็จหรือไม่
พ.ต.อ.เอนก กล่าวถึงกรณีของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม ที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น พบว่า ผกก.เบิ้มได้ให้การกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครปฐม ไปแล้ว ซึ่งประเด็นการแจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่มีข้อยุติว่าใครละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เพราะขณะนี้ยังต้องดูข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และพฤติการณ์ของพยานที่เกี่ยวข้องรู้เห็น ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าใครเข้าข่ายข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ (157) โดยทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และจะต้องแบ่งตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“ ตำรวจที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ 2 นาย ถือเป็นผู้เสียหายในทางคดี กับอีกส่วนหนึ่ง คือ ตำรวจที่ช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว 6 นาย และอีกส่วนที่เหลือ ก็ต้องดูว่าพฤติการณ์เป็นอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามกล้องวงจรปิดหรือจากคำให้การพยานอื่นที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย สำหรับ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท ก็ต้องดูข้อมูลอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ยืนยันว่า ทีมพนักงานสอบสวน ทำงานอย่างละเอียด และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ “ พ.ต.อ.เอนก ระบุ
ขณะเดียวกันมีข้อมูลคำให้การของ ผู้กำกับ สน.พญาไท อ้างว่าในช่วงเกิดเหตุ เป็นคนสั่งให้ลูกน้องให้การช่วยเหลือ “สารวัตรแบงค์” และ พ.ต.ท.วศิน พันปี หรือรองผู้กำกับวศิน นั้น เรื่องนี้ก็ต้องดูว่าคนที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลยืนยันในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะในสิ่งที่แต่ละคนให้การ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จต้อง ต้องอยู่ในเรื่องของพยานวัตถุกล้องวงจรปิดด้วยเช่นกัน ว่าให้การไปแล้ว สามารถรับฟังได้หรือไม่ แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในสำนวน จึงขอสงวนไว้
เมื่อถามว่า “ผู้กำกับ สน.พญาไท” เรียกว่าแถซ้ำซากหรือไม่ พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า ยังเรียกอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถือว่าเขาให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาตั้งแต่วันแรก ตั้งแต่ที่ สภ.เมืองนครปฐม และในขั้นตอนที่กองปราบฯ ได้ทำการสอบสวน ซึ่งไม่ได้บิดพลิ้วหรือให้การว่าไม่รู้ไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนคดียิง “สารวัตรแบงค์” พ.ต.อ.เอนก ยืนยันว่า มีพยานหลายปากเห็นในวินาทียิง ทั้ง 2 ส่วน ทั้งในส่วนโต๊ะของกำนันนกที่นั่งอยู่ หรือโต๊ะวีไอพีก็ตาม ซึ่งมีความชัดเจนในส่วนของคดียิงแล้ว