ผู้เสียหายแห่ขอคืนเงิน หลังถูกแก๊งชาวจีนหลอกลงทุนเงินดิจิทัล

สนามข่าว 7 สี - ผู้เสียหายคดี Hybrid Scam นับพันคนไปขอรับเงินคืนจากตำรวจไซเบอร์ และ ปปง. หลังถูกแก๊งชาวจีนหลอกลงทุนเงินดิจิทัล สูญเสียเงินไปรวมกว่า 2,700 ล้านบาท

ผู้เสียหายกว่า 1,000 คน จาก 3,280 คน ทยอยเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานขอรับเงินคืน หลังจากที่ตำรวจไซเบอร์ เปิดให้ลงทะเบียนความเสียหาย ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ถึงวันที่ 13 ธันวาคม ปลายปีนี้  

โดยยอดการแจ้งความในคดี Hybrid Scam หรือ คดีหลอกให้เชื่อใจ ไว้ใจ แล้วชักชวน มีทั้งหมด 3,280 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,700 ล้านบาท วิธีการของคนร้ายจะเข้ามาตีสนิท แล้วชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิทัล แลกกับผลตอบแทนสูง ผ่านแพลตฟอร์มปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้น เรียกได้ว่ามีลักษณะเหมือนกับของจริง

จากนั้นก็จะหลอกให้ซื้อเงินสกุล USDT แล้วโอนเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ อ้างว่าเป็นการเทรดเงิน สุดท้ายก็สูญเงินไป คดีนี้ตำรวจไซเบอร์ได้ประสานไปยังทางการสหรัฐ ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินดิจิทัล ก่อนจะพบว่าวนกลับมาที่ไทย และเชื่อมโยงไปยังคนร้ายตัวจริงคือ นายเชาเซียน ชู ชาวจีนกับพวก และยังพบเชื่อมโยงไปยังนอมินี นิติบุคคลชาวไทย นำไปสู่การเปิดปฎิบัติการ "Trust No One" EP.1-5 เข้าตรวจค้นกว่า 70 จุดทั่วประเทศ จับกุมนายเชาเซียน ชู และภรรยาชาวจีน ยึดอายัดอสังหาริมทรัพย์ รถยนด์ สินค้แบรนด์เนม เงินสด รวมกว่า 2,000 ล้านบาท 

แล้วผู้เสียหายจะได้ส่วนแบ่งกันเท่าไหร่ ทาง ปปง.ชี้แจงว่า ทรัพย์สินที่ได้จะนำมาเฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์เท่า ๆ กัน เสียหายมากก็ได้มาก เสียหายน้อยก็ได้น้อย

ขั้นตอนขอคืนทรัพย์สิน หลังจากผู้เสียหายยื่นหลักฐาน ปปง. จะพิจารณาคัดกรองว่าใช่ถูกแก๊งนี้โกงหรือเปล่า ถ้าใช่ก็จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา แล้วส่งเรื่องไปยังศาลแพ่ง เพื่อมีคำพิพากษาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหาย

นอกจาก 600 ล้านนี้แล้ว ยังมีทรัพย์สินอีก 1,300 ล้านบาทที่ถูก ปปง.อายัดไว้ และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานออกคำสั่งยึดทรัพย์สินนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหาย อย่างน้อยตอนนี้ก็มีทรัพย์สินแล้วเกือบ 2,000 ล้านบาท หากนำมาเฉลี่ยนคืน น่าจะได้กันเกือบครบ เพราะยอดความเสียหายรวมอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท