หมอนิติเวชเตือนภัยหมอกระเป๋า ฉีดขยายเต้านมอ้างว่าเป็นคอลลาเจน ที่แท้เป็นซิลิโคน ซ้ำร้ายฉีดผิดวิธี พลาดซิลิโคนเข้าสู่เส้นเลือด อุดตันในเส้นเลือดที่ปอดและสมอง คนไข้เสียชีวิต ญาติคนตายอยากฟ้องแต่ไม่รู้ใครเป็นคนฉีด
เสริมอึ๋มถึงชีวิต วันนี้ (19 ก.พ.66) ผศ.นพ สมิทธิ์ ศรีสนธ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และกรรมการแพทยสภา ใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวแจ้งเตือนภัยหมอกระเป๋า โดยยกเคสผู้เสียชีวิตซึ่งผลการชันสูตรพบว่าสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตมาจากการใช้บริการหมอปลอมหรือหมอกระเป๋า ฉีดสารขยายขนาดเต้านม ซึ่งเคสนี้เกิดเหตุเมื่อเดือน ก.ค.66 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยได้รับการฉีดขยายเต้านม จากหมอกระเป๋า ซึ่งน่าจะเป็นหมอปลอมเพราะตรวจสอบไม่พบชื่อในระบบแพทยสภา โดยผู้ฉีดอ้างว่าสารที่จะฉีดเข้าสู่ร่างกายเป็นคอลลาเจน แต่หลังฉีดคนไข้มีอาการเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ไหวต้องแอดมิตรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเสียชีวิต
หมอสมิทธิ์ เปิดเผยว่าผลการผ่าชันสูตร พบว่า เป็นภาวะซิลิโคนอุดตันในเส้นเลือดที่ปอดและสมอง ดังนั้น คือผู้ป่วยรายนี้ ถูกฉีดซิลิโคนเข้าเต้านม และเป็นการฉีดผิดวิธีจนเข้าสู่เส้นเลือด หมอสมิทธิ์จึงอยากเตือนภัย และแนะนำคนที่จะไปฉีดหรือเคยไปฉีดขยายเต้านมกับหมอกระเป๋าแบบนี้ ให้ระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลย
นอกจากนี้ หมอสมิทธิ์ยังอยากเรียกร้องให้ญาติของผู้เสียชีวิต ที่เขาอยากฟ้องร้องหมอกระเป๋าที่ฉีดสารขยายขนาดเต้านมผิดแบบวิธีแบบนี้ แต่ไม่มีเงินจ้างทนายความหรือติดตามคดี เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนฉีด ขณะนี้พอได้ข้อมูลบ้าง แต่ยังไม่ชัดเจน หรือทำการฉีดที่ไหน ต้องการให้มีคนช่วยสืบเพิ่มเติม
เคสแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตชาวอุบลราชธานี ฉีดเสริมเต้านมผลการชันสูตร พบว่าสารที่ฉีดเข้าเต้านมน่าจะเป็นฉีดซิลิโคน ซึ่งการฉีดซิลิโคนที่อวัยวะไม่ว่าส่วนใด ถือว่าไม่เป็นมาตรฐานและไม่ได้รับการยอมรับ เป็นอันตรายมาก เพราะโดยหลักการเสริมเต้านมจะต้องมีการผ่าตัดและใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป หากมีปัญหาจะได้เอาออกได้ กรมการแพทย์ได้แจ้งเตือนประชาชน ว่าอย่าฉีดซิลิโคนเพื่อทำศัลยกรรมอย่างเด็ดขาด เพราะซิลิโคนที่ฉีดเข้าไปจะไปปนกับเนื้อเยื่อของร่างกาย ถ้ามีปัญหาไม่สามารถเอาออกได้ อีกทั้งการฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไป เครื่องมือไม่สะอาด หมอเถื่อนเป็นคนทำอาจทำให้เสียชีวิตได้ และถ้าเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะ จะไม่ทำศัลยกรรมด้วยวิธีการฉีดซิลิโคนเด็ดขาด ดังนั้นขอเตือนไปยังประชาชนว่า หากมีการให้บริการในลักษณะนี้ขอให้แจ้งมายังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที