ไปอีกขั้น จ้างบัญชีม้าข้ามแดนสแกนหน้า ดูดโอนเงินเกิน 5 หมื่นบาท

View icon 85
วันที่ 19 ก.ย. 2566 | 16.34 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ จับกุมบัญชีม้าได้ 1 ราย แต่เป็นบัญชีม้าที่แปลกกว่าที่เคยจับกุมมา เพราะบัญชีม้าเหล่านี้ต้องข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อที่จะถอนเงินได้เกินครั้งละ 50,000 บาท ทำอย่างไร ติดตามรายละเอียดกัน

นางสาวลัดดาวัลย์ ถูกตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือ ตำรวจไซเบอร์ 1 จับกุมตัวได้ หลังจากสืบสวนจากผู้เสียหายที่โดนหลอกให้โอนเงินจนพบว่า นางสาวลัดดาวัลย์ เป็นบัญชีม้าแถว 1 ที่รับโอนเงินจากเหยื่อผู้เสียหาย

แต่ว่าการจับกุมบัญชีม้ารายนี้ ต่างจากบัญชีม้ารายก่อนหน้านี้ ที่ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายขาด บัญชีละ 500-1,000 บาท เพราะว่า นางสาวลัดดาวัลย์ ที่เป็นบัญชีม้ารายนี้ ได้เงินค่าเปิดบัญชีที่สูงกว่าหลายเท่า และมีเงินเดือนหลักหมื่นต่อเดือน แต่ว่าต้องไปอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่ตำรวจไซเบอร์ จับกุมตัวบัญชีม้ารูปแบบใหม่ด้วย

พันตำรวจเอก วีระวิทธ์ ผลประสิทธิ์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นางสาวลัดดาวัลย์ สารภาพว่า รับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือ เป็นบัญชีม้า โดยเริ่มต้นจากเห็นประกาศรับสมัครแอดมินเพจทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อสอบถามตกลงกันแล้ว จึงเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทย ได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 5,000 บาท จากนั้นต้องข้ามชายแดนไปพักอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านไปอยู่ใกล้ที่ทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เงินเดือนอีกเดือนละ 30,000 บาท

เมื่อแก๊งเซ็นเตอร์หลอกคนไทยได้ และมีการโอนเงินเข้าบัญชีม้า ซึ่งก็คือบัญชีของ นางสาวลัดดาวัลย์ นางสาวลัดดาวัลย์ ก็จะไปสแกนใบหน้าเพื่อให้สามารถโอนเงิน ออกจากบัญชีของตัวเองได้เกิน 50,000 บาท ไปเข้าบัญชีม้าแถว 2, แถว 3 โดยบัญชีม้าแถว 2, แถว 3 ก็ต้องสแกนใบหน้า เพื่อโอนเงินเกิน 50,000 บาทเหมือนกัน ก่อนที่เงินเหล่านั้นจะถูกแปลงเป็นเงินคริปโต

พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 บอกว่า นี่เป็นครั้งแรก ที่พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ้างบัญชีม้าเปิดบัญชีราคาสูงกว่าที่เคยเห็นมา และให้เงินเดือนบัญชีม้า ข้ามชายแดนไปอยู่ในที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อรอสแกนใบหน้าโอนเงินให้ได้เกินครั้งละ 50,000 บาท หลังจากที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อคนไทยจนโอนเงินสำเร็จ

ผลที่ได้จากการสอบสวนและวิเคราะห์ข้อมูล สันนิษฐานว่า สาเหตุที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องจ้าง และให้เงินเดือนบัญชีม้าที่สูงขึ้น เนื่องจากหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการโอนเงินเกิน 50,000 บาท ต้องสแกนใบหน้า ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เคยโอนเงินกันอย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ต้องหาวิธีการโอนเงินออกจากบัญชีม้าแถวที่ 1, แถวที่ 2, แถวที่ 3 ให้เกิน 50,000 บาท และรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ธนาคารระงับบัญชีได้ทัน หากเหยื่อที่หลงกลโอนเงินรู้ตัว และแจ้งธนาคารระงับบัญชี มาตรการนี้ ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์โอนเงินยุ่งยากขึ้น จึงจ้างบัญชีม้าให้ไปพักอาศัยอยู่ด้วยกันในที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้าน

พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ บอกด้วยว่า นอกจากมาตรการโอนเงิน 50,000 บาท ต้องสแกนใบหน้าของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว หลัง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บังคับใช้เมื่อเดือนมีนาคม ธนาคารและตำรวจไซเบอร์ สามารถระงับและอายัดบัญชีได้ทันท่วงทีหลายคดี ทำให้ได้เงินบางส่วนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์โอนออกไม่ทัน กลับคืนมา

พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่าหลังจากมาตรการโอนเงินเกิน 50,000 บาท ต้องสแกนใบหน้า และ พ.ร.ก.มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บังคับใช้ จะเริ่มเห็นผลในการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่จะต้องสืบสวนขยายผลเพื่อทลายขบวนการเหล่านี้ต่อไป