จับแล้วตำรวจ 8 นาย ลูกน้อง บิ๊กโจ๊ก ทยอยฝากขัง

View icon 139
วันที่ 26 ก.ย. 2566 | 04.06 น.
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - ปฏิบัติการที่เรียกได้ว่า "ฟ้าผ่า" ช็อกคนทั้งประเทศตั้งแต่เช้า เมื่อตำรวจนำกำลังไปบุกค้นบ้านพัก "บิ๊กโจ๊ก" หลังสโมสรตำรวจ มีการออกหมายจับ 23 หมาย ในจำนวนนี้มีตำรวจ 8 นาย ถูกจับกุมได้ครบทั้งหมด และบางนายทยอยนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังแล้ว

ปฏิบัติการปูพรมตรวจค้น 30 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี, สมุทรปราการ, กรุงเทพมหานคร, ขอนแก่น, อุดรธานี และสระบุรี เริ่มต้นพร้อมกันตั้งแต่ 06.00 น. โดย 1 ในเป้าหมายสำคัญเป็นบ้านพัก 5 หลัง ในหมู่บ้านในซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ ตามที่มีข้อมูลว่า ผู้ที่อยู่ในบ้านมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทำให้ ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT ต้องประสานกำลังกับ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ และตำรวจหน่วยสยบริปูสะท้าน หรือคอมมานโด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจค้น แต่เมื่อไปถึงกลับพบเป็นบ้านของ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ "บิ๊กโจ๊ก" ผู้บัญชาการ สอท. จึงต้องไปอธิบายที่มาที่ไปของคดี ก่อนที่ "บิ๊กโจ๊ก" จะพานำตรวจค้นด้วยตัวเอง โดยยืนยัน พร้อมให้ความร่วมมือ หากพบมีการกระทำผิดจริง

แต่พอ "บิ๊กโจ๊ก" ไปที่สโมสรตำรวจ เพื่อทำธุระ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนใหม่ ระบุว่า การเข้าตรวจค้นดังกล่าว ทราบว่ามีการเตรียมการล่วงหน้ามานาน และเป็นเกมการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะเกี่ยวข้องกับเก้าอี้ ผบ.ตร. หรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ ขอให้สื่อมวลชนไปคิดเอาเอง อยากให้จับตามองในอีก 4-5 วัน และตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดถึงมาตรวจค้นและจับกุมในช่วงเวลานี้

ส่วนกรณีภาพหลุดร้องเพลงร่วมกับผู้ต้องหาคดีเว็บฯ พนัน ในงานเลี้ยงที่มีการแชร์กันในโซเชียล ยืนยันไม่รู้จักกับหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นการส่วนตัว ส่วนภาพที่ผู้ใต้บังคับบัญชานั่งสนิทสนมกับหญิงสาวคนนี้ ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนชี้แจงเอง ยืนยันว่าหากลูกน้องทำไม่ดี ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

พอ บิ๊กโจ๊ก บอกมาแบบนี้ ก็ต้องมาถามกับ พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 4 ที่เป็นชุดเข้าจับกุม ซึ่งให้สัมภาษณ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกอธิบายที่มาที่ไปให้ฟังว่า คดีนี้เป็นการขยายผลจากการทลายเว็บพนัน 12 เว็บไซต์ ที่ตำรวจ PCT เพิ่งจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากนั้นจึงขยายผลจนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 23 คน และพบมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับ ตำรวจ 8 นาย

โดยพฤติการณ์ของขบวนการนี้ มีการแบ่งหน้าที่ออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรกจะทำหน้าที่บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ กลุ่มที่ 2 จัดหาบัญชีม้า กลุ่มที่ 3 จัดการธุรกรรมการเงินและบัญชี และกลุ่มที่ 4 เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากบัญชีม้าดังกล่าว ซึ่งในจำนวนตำรวจทั้ง 8 นาย บางนายเป็นทั้งผู้บริหารเว็บฯ พนัน บางนายได้ผลประโยชน์เชื่อมโยงแต่ละกลุ่ม บางคนกระทำผิดหลายอย่าง สืบสวนพบการกระทำผิดมาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน

ส่วนในการสัมภาษณ์รอบที่ 2 สื่อมวลชนขอให้ลงมาอัพเดตความคืบหน้า ซึ่งก็บอกว่า ตอนนี้ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 17 คน จาก 23 หมายจับ ในจำนวนนี้มีตำรวจ 8 นาย ถูกจับกุม และอยู่ในการควบคุมของพนักงานสอบสวน โดยมีบางนายถูกคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังแล้ว ยืนยัน การขอหมายค้น เกิดขึ้นหลังสืบพบว่า ตำรวจที่ถูกออกหมายจับ เข้าไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยที่ชุดจับกุมไม่ทราบว่าเป็นบ้านของ "บิ๊กโจ๊ก" เพราะบ้านเป็นชื่อกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่น และหากจะมีการตั้งทีมทนายเพื่อฟ้องกลับตามที่สื่อมวลชนตั้งคำถาม ก็พร้อมจะชี้แจงข้อเท็จจริง

แล้วตำรวจที่ถูกคุมตัวไปสอบสวนแต่ละคนว่าอย่างไรกันบ้าง เริ่มจาก พลตำรวจตรี นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ถูกควบคุมตัว พาไปค้นบ้านที่จังหวัดนครปฐม และพาตัวกลับมาสอบสวนที่กรุงเทพฯ ต้องใช้คำว่าเดินผ่านอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันถาม ก็เข้าห้องสอบสวนไปแล้ว จากการสังเกตของทีมข่าว พบว่า พลตำรวจตรี นำเกียรติ ไม่ได้ใส่เครื่องพันธนาการ ใส่ชุดนอกเครื่องแบบ กางเกงขายาว เสื้อคลุมสีดำ มีสีหน้าเรียบเฉย มาพร้อมกับเอกสาร 1 ฉบับ

ส่วนตำรวจ 2 นาย ที่ผู้สื่อข่าวพยามยามเรียกชื่อ ระหว่างพาตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง คนหนึ่งยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ และบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ" ส่วนอีกคนมีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนเพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น

ทั้งนี้ภายหลังศาลได้พิจารณาคำร้องได้ก็รับฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แต่ทนายความได้ยื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าทั้ง 2 คนมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ประกันตัวตำรวจทั้ง 2 นาย โดยวางเงินประกัน 100,000 บาท

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 คน ก็ทยอยเดินทางมาถึงด้วยเครื่องบินตำรวจในช่วงเย็น ก่อนถูกพาตัวไปสอบสวนที่เดียวกัน

ส่วนของกลางที่ยึดได้จากปฏิบัติการดังกล่าว ทั้งหมดได้ทยอยนำไปเก็บรวบรวมไว้ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เช่น ลังเอกสาร ตู้เซฟ กระเป๋าแบรนด์เนม พาสปอร์ต รถยนต์ ตุ๊กตาสะสมแบร์บิก และของสะสมงานศิลปะ โดยที่ตำรวจไม่ขอตอบว่าของกลางดังกล่าวเป็นของใครบ้าง

สำหรับกรณีการจับกุมดังกล่าว มีรายงานข่าวระบุว่า เป็นการขยายผลจากคดีการจับกุม "บอสตาล" ประธานสโมสร "ลำพูน วอริเออร์" ในข้อหาเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน โดยหนึ่งในนั้นคือการซื้อทีมฟุตบอล คาดว่าทรัพย์สินที่จะต้องถูกยึดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งบ้าน ที่ดิน และรถหรู รวมถึงสโมสรฟุตบอลลำพูนวอริเออร์ เนื่องจากพบว่า บอสตาลได้ซื้อสโมสรฟุตบอลลำพูนวอริเออร์ ในการฟอกเงิน

จากนั้นในเดือนกรกฎาคม ตำรวจขยายผลตรวจค้น 4 จุด ในกรุงเทพฯ และจังหวัดเลย จับกุม นางสาวสุชานันท์ หรือ ธนัยนันท์ หรือ มินนี่ กับพวกอีก 2 คน ได้พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคารกว่า 100 รายการ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 55 ใบ โทรศัพท์มือถือ 30 เครื่อง เงินสด 920,000 บาท คอมพิวเตอร์ ไอแพดและเครื่องรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต หลายรายการพบเงินหมุนเวียนกว่าร้อยล้านบาท

เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "เหยื่อ" ซึ่งเป็นเพจที่จับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มธุรกิจสีเทา โดยเฉพาะเว็บฯ พนัน ตั้งข้อสังเกตหลายเรื่อง เริ่มจาก "มินนี่" ระบุว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายของ "บอสตาล" ที่ตำรวจใช้เวลาสืบสวนนานกว่า 3 เดือน ขยายผลเส้นทางการเงินจนไปพบความเกี่ยวข้อง ซึ่ง "มินนี่" นอกจากจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บฯ พนัน ยังเคยมีภาพสนิทสนมกับตำรวจ 2 นาย ที่เป็นลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก และมีภาพเคยร้องเพลงคู่กับ บิ๊กโจ๊ก ด้วย

และ 1 ในลูกน้องของ บิ๊กโจ๊ก ที่พาดพิงชื่อถึง ก็มีข้อมูลว่าเคยไปร่วมประมูล "พระเครื่อง" ที่มีราคาสูงเฉียดหลักสิบล้านบาท จนเพจนี้ต้องเริ่มหันไปมองวงการพระเครื่อง ว่ากำลังถูกใช้เพื่อฟอกเงินหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง