มินนี่ ปรากฏตัวเปิดหน้าสู้ตำรวจชุดจับกุม

View icon 43
วันที่ 29 ก.ย. 2566 | 16.34 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - การค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อต้นสัปดาห์ ซึ่งลามมาจากคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจค้นระบุว่า "มินนี่" เป็นเจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งเมื่อคืนนี้ "มินนี่" ตัวละครสำคัญ ปรากฏตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มีทั้งยอมรับและปฏิเสธ ในสิ่งที่กำลังเป็นข่าวอยู่

"มินนี่" ปรากฏตัวเปิดหน้าสู้ตำรวจชุดจับกุม
ช่วงทุ่มครึ่งของเมื่อวานนี้ “มินนี่” นางสาวสุชานันท์ หรือ นางสาวธนัยนันท์ ไปปรากฏตัวริมถนน ที่หน้ากองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่มีการตรวจค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการขยายผล ที่ต่อมาตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCT เปิดเผยว่าการปฏิบัติการสืบเนื่องมาจากการจับกุมเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่มี "มินนี่" เป็นเจ้าของ

การปรากฏตัวของ "มินนี่" ถือเป็นการเปิดหน้าสู้ ชี้แจงสิ่งที่เป็นข่าวมาตลอดสัปดาห์ สรุปเป็นประเด็นสำคัญ ๆ ที่ส่วนใหญ่เน้นอธิบายเรื่องส่วนตัวที่ปรากฏเป็นข่าว ส่วนในทางคดีนั้น เธอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์

"มินนี่" รับคบหา "พ.ต.อ.ภาคภูมิ" โอนเงินเพราะถูกยืม
ในเรื่องส่วนตัวที่ปรากฏเป็นข่าว สรุปได้ประมาณว่า ความสัมพันธ์กับ พันตำรวจเอก ภาคภูมิ พิสมัย หรือรองหนึ่ง ยอมรับว่าเคยคบหากันในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นก็เลิกรากันไป เพราะทราบว่า พันตำรวจเอก ภาคภูมิ มีครอบครัวแล้ว กระทั่งปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 บังเอิญกลับมาเจอกัน ได้คุยกันอีกครั้ง จึงกลับมาสนิทกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ส่วนเรื่องเงิน พันตำรวจเอก ภาคภูมิ ยืมเงิน และคืนบ้างไม่คืนบ้าง ส่วนเงินเธอจะให้คนอื่นโอนให้ เพราะเธอชอบไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ละครั้งที่ยืมไม่เยอะ ส่วนเหตุผลที่ยืมอาจเป็นเพราะตำรวจเงินเดือนอาจไม่ได้เยอะ

"มินนี่" ซัดตำรวจทำภาพหลุดจากโทรศัพท์
กรณีภาพส่วนตัวที่หลุดออกไป เธอยืนยันว่า ถ่ายไว้ในโทรศัพท์ ไม่เคยโพสต์ เพราะ พันตำรวจเอก ภาคภูมิ ห้ามไม่ให้โพสต์ แต่ที่รูปหลุดออกมา เป็นรูปที่อยู่ในมือถือที่ถูกตำรวจ PCT ชุด 4 ยึดไปในวันถูกจับ เชื่อว่าภาพที่หลุดไปมาจากโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่ให้ความร่วมมือทุกอย่าง ตอนนี้ทุกคนเห็นหน้า เพราะมีภาพออกไปหมดแล้ว ภาพในโทรศัพท์ที่เอาไป ทุกอย่างทุกคนเดือดร้อนทั้ง พันตำรวจเอก ภาคภูมิ และบิ๊กโจ๊ก ก็เดือดร้อน

"มินนี่" ยังบอกด้วยว่า ในวันจับกุมเวลา 03.00 น. ตำรวจให้เขียนข้อความระบุว่า พันตำรวจเอก ภาคภูมิ มีส่วนได้ส่วนเสียในการทำเว็บพนันร่วมกัน แต่เธอไม่ได้ทำจะให้เขียนได้อย่างไร จึงไม่เขียน พอเรื่องมันเกิดขึ้นมา คิดว่าถ้าวันนั้น ให้ความร่วมมือเขียนกระดาษตามที่ตำรวจบอกไป มันก็คงจะจบ ได้สิ่งที่เขาต้องการ พอไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เลยเอารูปของเธอไปเปิดเผย

แต่ว่าในส่วนของเรื่องคดี "มินนี่" จะพยายามไม่พูดถึงมาก ถ้านักข่าวถาม ก็จะบอกว่าให้เป็นหน้าที่ของทนายความที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ พร้อมกับปฏิเสธว่า เธอไม่ได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้รู้จัก "บอสตาล" ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ตำรวจสืบจากคดี "บอสตาล" จนมาถึงตัวเธอ

เผยสืบจากคดี "บอสตาล" พบผู้เล่นกลุ่มเดียวกันไปเล่นเว็บฯ อื่น
กรณีของ "บอสตาล" หรือ นายพงษ์ศิริ ที่ "มินนี่" กล่าวถึงว่าไม่เคยรู้จักกันนั้น ก็คือประธานสโมสรฟุตบอลแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ที่ถูกตำรวจ PCT 4 จับกุมตัวได้เมื่อ 20 มิถุนายน 2566 จากนั้น ตำรวจก็นำหลักฐานต่าง ๆ มาตรวจสอบ โดยเฉพาะหลักฐานผู้เล่นพนันออนไลน์ พบว่ากลุ่มผู้เล่นที่เคยเล่นในเว็บไซต์พนันออนไลน์ของบอสตาล ก็ไปเล่นเว็บไซต์พนันออนไลน์อื่น ๆ ด้วยอีกหลายเว็บไซต์ จึงแกะรอยตามไป จนพบว่ามีเว็บไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่ในภาคอีสานอยู่ด้วย ตามการสืบสวนของตำรวจ ระบุผลสืบสวนพบว่า ผู้เป็นเจ้าของคือ มินนี่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การจับกุม มินนี่ และลูกน้องรวม 3 คนเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566

ในการจับกุมมินนี่ ครั้งนั้น ตำรวจชุด pct 4 ยังได้เข้าจับกุมลูกน้องของมินนี่ ด้วย 2 คน คือ นางสาวอรณี และนายณัฐวัตร ทั้งคู่ถูกจับได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพฯ ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏออกมาในการจับกุมครั้งนั้น และแหล่งข่าวระบุว่า ในชั้นจับกุมทั้งสองคนรับว่า ทำงานเป็นฝ่ายบัญชีให้มินนี่ คอยทำหน้าที่รับโอนเงิน กดเงิน จากเว็บไซต์พนันออนไลน์ รวมทั้งทำหน้าที่โอนเงินต่อให้กับบุคคลต่าง ๆ โดยบ้านหลังที่ทั้งคู่ถูกจับกุมได้ เป็นบ้านที่มินนี่ ซื้อไว้ให้ทั้งสองคนอยู่อาศัยทำงาน พร้อมกับซื้อรถยนต์ toyota alphard ไว้ให้เดินทางอีก 1 คัน

และในการจับกุมลูกน้องของมินนี่ ทั้งสองคน ตำรวจได้ตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในบ้าน พบบัญชีรายรับรายจ่ายของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และเจอบัญชีม้าอยู่ในบ้านจำนวนมาก ซึ่งผลจากการเจอบัญชีม้าในบ้าน ทำให้ตำรวจสืบสวนต่อ และออกหมายจับบัญชีม้า ได้อีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงคนที่เคยไปทำงานในบ้านของมินนี่ ที่จังหวัดเลย ที่เปิดบัญชีให้แม่ของมินนี่ คือ นางสาวเรไร ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์ที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา และได้ประกันตัวออกมาแล้ว

"เรไร" เผยตกเป็นบัญชีม้า เพราะเปิดบัญชีให้ครอบครัว "มินนี่"
ผู้สื่อข่าวเดินทางบ้าน นางสาวเรไร ที่ตำบลนาแขม อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พบนางเรไร อยู่ในบ้านและไม่ยอมออกมา จนเมื่อผู้สื่อข่าวขอให้ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น นางสาวเรไร จึงให้สัมภาษณ์ว่า แต่ก่อนทำงานอยู่ในบ้านของนางสาวมินนี่ได้ประมาณ 10 ปี จะเป็นคนเลี้ยงลูกของนางสาวมินนี่ ส่วนเรื่องบัญชีม้านั้น ตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นมาก่อน และไม่รู้ว่าบัญชีที่เปิด ไปเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ได้อย่างไร แต่ที่ผ่านมาตอนที่ไปทำงานที่บ้านนางสาวมินนี่ คนในครอบครัวนางสาวมินนี่ มาบอกให้ตัวเองไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อจะได้โอนเงินเดือนเข้ามาให้ จึงไปเปิดบัญชี แล้วก็เอามาให้คนในบ้านของนางสาวมินนี่ จากนั้นตัวเองก็ไปเปิดบัญชีธนาคารเพิ่มอีกธนาคาร เพื่อให้นางสาวมินนี่ โอนเงินเดือนให้ เพราะบัญชีแรกที่ถูกยึดไป ตัวเองไม่รู้ว่ามีเงินเคลื่อนไหวหรือไม่ และไม่ได้ไปปิดบัญชีธนาคารที่ถูกยึดไป

นางสาวเรไร เล่าว่า ต่อมาได้ลาออกมาประมาณ 3-4 เดือน แล้ว จู่ ๆ ก็มีตำรวจบุกมาที่บ้าน และจับตัวไปเพราะตัวเองเปิดบัญชีม้า ให้กับเว็บพนันของนางสาวมินนี่ ซึ่งตัวเองเชื่อว่านางสาวมินนี่ ไม่ได้เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ถึงแม้ครอบครัวของนางสาวมินนี่ จะร่ำรวย แต่ครอบครัวนางสาวมินนี่ นั้น ร่ำรวยมาก่อนแล้ว ไม่ได้ร่ำรวยมาจากเว็บพนันแน่นอน และนางสาวมินนี่ นั้นเป็นคนดี ผู้สื่อข่าวยังสอบถาม นางสาวเรไร ว่ารู้จักผู้หญิงที่ชื่อ "เจอ" หรือไม่ เพราะจากที่ไปคุยกับสามีของนางยุภาพร ซึ่งเป็นบัญชีม้าที่ถูกจับกุมพร้อมกับนางสาวเรไร ได้ความว่า "นางเจอ" เป็นคนมาจ้างให้นางยุภาพร เปิดบัญชีธนาคาร แล้วเอาไป โดยนางสาวเรไร บอกว่า รู้จักกับนางเจอจริง เพราะทำงานที่บ้านของนางสาวมินนี่ ด้วยกัน ที่ผ่านมาก็พอจะรู้ว่า นางเจอ เคยให้คนมาเปิดบัญชีม้าแล้ว 2 คน

เผยอีก 2 ผู้ต้องหาบัญชีม้า ถูก "นางเจอ" ชักชวนเปิดบัญชี
นางสาวเรไร ได้ประกันตัวออกมา แต่ว่ายังมีผู้ต้องหาที่เป็นบัญชีม้าอีก 2 คน ที่ยังไม่ได้ประกันตัว คือ นางยุภาพร และ นางแสงเดือน ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านบ้านโป่ง ตำบลนาแขม อำเภอเมืองเลย ทั้งสองคน ผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยสอบถามจากสามีของนางยุภาพร และ นางแสงเดือน ได้ความว่า ไม่มีเงินที่จะไปประกันตัวผู้เป็นภรรยา เพราะยังไม่มีเงิน ส่วนการตกเป็นบัญชีม้าได้อย่างไรนั้น จากการพูดคุยก็ทราบว่า ทั้ง นางยุภาพร และ นางแสงเดือน ไม่เคยไปทำงานที่บ้านของครอบครัวนางสาวมินนี่ เหมือนกรณีของนางสาวเรไร แต่ว่าทั้งคู่ถูกชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารโดย นางเจอ ซึ่งถ้าฟังจากนางสาวเรไร ก็จะพบว่า นางเจอ ทำงานอยู่ที่บ้านของนางสาวมินนี่

“พ.ต.อ.ภาคภูมิ” ติดใจการออกหมายจับ-หมายค้น
และจากการเปิดหน้าให้สัมภาษณ์ของ "มินนี่" เมื่อวาน คนที่เกี่ยวข้องกับ "มินนี่" โดยตรง ที่เธอบอกว่ามีความสัมพันธ์กับระดับไหน ก็คือ พันตำรวจเอก ภาคภูมิ ซึ่งวันนี้ พันตำรวจเอก ภาคภูมิ กล่าวว่า ตนเองได้ดูแล้วและข้อเท็จจริงก็เป็นตามนั้น ความสัมพันธ์ก็เป็นไปตามคำพูดของมินนี่ ส่วนจะมีผลต่อรูปคดีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ที่กำลังต่อสู้ให้หรือไม่นั้น คงไม่เป็นไร เพราะมินนี่ คงพูดความจริงทั้งหมด เพราะความจริงก็คือความจริง

ส่วนกรณีที่ มินนี่ ระบุว่า ตอนถูกจับแล้วถูกตำรวจ PCT 4 บังคับให้เขียนยอมรับว่า พันตำรวจเอก ภาคภูมิ เกี่ยวข้องด้วย ตนเองทราบหรือไม่ พันตำรวจเอก ภาคภูมิ ระบุว่า พอมินนี่ ถูกจับ ตนเองก็ยังไม่ได้คุยกับมินนี่อีกเลย และพอตนเองได้ฟังจากที่มินนี่ ให้สัมภาษณ์ว่า มีตำรวจบังคับให้เขียนข้อความรับสารภาพนั้น ก็มองว่า ความเสียหายจะเกิดขึ้น 2 ส่วน

ส่วนแรก มินนี่ ต้องเสียหายที่จะต้องถูกบังคับ และอีกส่วนคือภาพที่หลุดออกมา มินนี่ ก็เสียหายอีกครั้ง เพราะข้อเท็จจริงแล้ว การเก็บพยานหลักฐานทำโดยตำรวจ แล้วหลุดไปอยู่ในมือบุคคลภายนอกโดยเจตนาของเขาคืออะไร ทำไมไม่เอาไปใช้เป็นพยานในคดีเท่านั้น และการออกมาเปิดเผย จะคิดเป็นเจตนาอื่นยังไง และอีกคนที่เสียหายคือตนและครอบครัว ในทางคดีก็ว่าไป แต่การเอารูปออกมา ก็ลองคิดดูว่าเจตนาคืออะไร คงไม่ได้สนใจเรื่องคดี แต่ตนเองมองว่าคงต้องการให้เกิดความเสียหาย

เมื่อถามว่า มีการวางแผนหรือทำให้เสียหาย หรือดิสเครดิตมานานแล้วหรือไม่ เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ มินนี่ ถูกจับกุมในช่วงเดือนกรกฎาคม พันตำรวจเอก ภาคภูมิ กล่าวว่า คงไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้น หากมีพยานหลักฐาน ก็ว่าไปตามกระบวนการ ตนเองเป็นตำรวจ ก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีพยานหลักฐานก็ว่ามา แต่วิธีการคือสิ่งที่ตนเองติดใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายจับ และการออกหมายค้นต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น และยิ่งมาฟังที่ มินนี่ ให้สัมภาษณ์อีก ก็มองว่า มินนี่ คงต้องไปให้การเป็นพยานเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีก ส่วนจะต้องนัดพูดคุยกับ มินนี่ เพื่อหารือทิศทางการต่อสู้คดีหรือไม่นั้น พันตำรวจเอก ภาคภูมิ ระบุว่า ในการต่อสู้คดีของตนเองกับ มินนี่ คงแยกกัน เพราะคดีของ มินนี่ ว่าไปแล้ว คดีของตนเองเพิ่งเริ่ม ซึ่งก็ต้องดูในอนาคตและตนเองก็คงต้องให้ทนายดำเนินการต่อไป

สั่งสอบ ตร. PCT 4 ปมภาพหลุดมินนี่-พ.ต.อ. ภาคภูมิ
ส่วนประเด็นที่มินนี่ บอกว่าตำรวจ pct 4 ชุดที่จับกุม ยึดโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ แต่กลับมีภาพหลุดออกไป ประเด็นนี้ พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ในฐานะหัวหน้าชุด PCT เปิดเผยว่า จะสั่งให้ตรวจสอบว่าภาพดังกล่าว หลุดไปจากทางตำรวจหรือไม่ อย่างไร หากพบว่าใครนำไปเผยแพร่ ทำให้เกิดความเสียหายกับมินนี่ ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเรื่องอย่างนี้ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หากถ้าใครเป็นคนทำต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย คนที่เอามาโพสต์เอามาจากไหนต้องมีการตรวจสอบตามกฎหมายต่อไป

ส่วนโทรศัพท์ของมินนี่ ขณะนี้ส่งตรวจไปที่พิสูจน์หลักฐานกลาง หลังจากนั้นจะมีการส่งกลับไปยังพนักงานสอบสวน ถึงจะทราบว่ามีการตรวจสอบได้เป็นบางส่วน จากของกลางที่ตรวจยึดในครั้งนั้น 30 กว่ารายการ มีการตรวจสอบเสร็จสิ้นประมาณ 3-4 รายการ และจะตรวจสอบอีกครั้งว่าโทรศัพท์ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว ส่งกลับไปที่พนักงานสอบสวนหรือยัง และกรณีที่ มินนี่ ระบุว่า ตำรวจ pct 4 บังคับให้ยอมรับสารภาพ ว่าทำเว็บพนันออนไลน์ และบังคับให้เขียนว่า พันตำรวจเอก ภาคภูมิ รู้เห็นร่วมกันทำเว็บ มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็เป็นสิทธิ์ที่ มินนี่ จะให้การปฏิเสธในฐานะผู้ต้องหาอยู่แล้วในการให้การ แต่ตำรวจก็ต้องทำงานตามพยานหลักฐาน ทำงานตามข้อกฎหมาย คงไปบังคับใครไม่ได้ และกรณีที่ปฏิเสธว่า เงินที่โอนให้กับ พันตำรวจเอก ภาคภูมิ เป็นเงินยืมกันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพนันออนไลน์ ส่วนนี้อยู่ในรายละเอียดของสำนวน แต่ตำรวจยืนยันว่ามีพยานหลักฐานที่นำไปสู่การออกหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 23 รายครั้งล่าสุด ซึ่งเมื่อเช้านี้ ในรายการสนามข่าว 7 สี คุณศจี วงศ์อำไพ ได้สัมภาษณ์ประเด็นนี้กับ พลตำรวจโท ไตรรงค์ ด้วย