ตร.กู้เงินสหกรณ์ฯ ซื้อบ้าน แต่โดนบริษัทดังฟ้องยึดบ้าน จ.สงขลา

View icon 575
วันที่ 9 ต.ค. 2566 | 16.06 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก ตำรวจชั้นผู้น้อย ว่าได้กู้เงินจากสหกรณ์ตำรวจ ไปซื้อบ้าน เพื่อหวังจะมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ต่อมา มีบริษัทชื่อดังเข้ามาขับไล่ ทั้ง ๆ ที่ก็มีการหักเงินเดือนทุกเดือน พอสืบไปสืบมา ผลปรากฏว่า บ้านหลังดังกล่าว บริษัทที่นำมาขายตลาด ยังไม่ปลดภาระจำนอง

ร้อยตำรวจตรี สมภพ จันทคาร (เสื้อเทา) พาผู้สื่อข่าวไปดูบ้านที่ผ่อนอยู่ทุกเดือน แต่กลับถูกบริษัทชื่อดัง ส่งหนังสือมาขับไล่ออกจากบ้าน ซึ่งตั้งอยู่ในซอยหมู่บ้านคุรุสภา ซอย 2 ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นบ้านปูน 2 ชั้น สีฟ้า ส่วนในบ้านยังมีญาติพี่น้องอาศัยอยู่ เพราะไม่รู้จะออกไปอยู่ที่ไหน

ส่วนอีกหลังเป็นของ ดาบตำรวจ ประภาส ยวงแก้ว (เสื้อดำ) ตั้งอยู่ในซอยถนนบ้านพรุุธานี 5 ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นเช่นกัน สีขาวครีม แต่ทาง ดาบตำรวจประภาส ได้มีการย้ายออกไป ตั้งแต่ปี 2562 แล้ว หลังถูกบริษัทชื่อดังขับไล่ ส่วนสภาพบ้านตอนนี้ทรุดโทรมอย่างหนัก ถูกปล่อยทิ้งร้าง ไร้การดูแล ทำให้ ดาบตำรวจประภาส เมื่อเห็นสภาพบ้านของตัวเองถึงกับน้ำตาริน เพราะรับไม่ได้ที่ถูกขับไล่ จนสภาพที่เคยผ่อนมาต้องเป็นแบบนี้ มิหนำซ้ำ ยังมีรถกระบะ ตู้ทึบ ถือวิสาสะบุกตัดกุญแจหน้าบ้าน เอารถเข้ามาจอดในบ้านอีกด้วย

จากนั้น ทั้งคู่ ได้เดินทางไปพบ ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ หรือ ทนายชัช ประธานกลุ่มทนายใจดี เพื่อให้ช่วยเหลือ โดยว่าที่ ร้อยตรี ชัชวาลย์ ระบุว่า กรณีนี้ กรมบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดบ้านที่ถูกยึด โดยระบุชัดเจนว่าทรัพย์สินนั้น ยังมีภาระผูกพันติดจำนอง จากนั้นบริษัทดังกล่าว เข้ามาซื้อทรัพย์ แต่ซื้อในราคาถูกกว่าราคาจริง หรือ ราคาตลาด อีกทั้ง ยังไม่ยอมปลดภาระจำนอง แล้วเอามาขายต่อให้กับตำรวจชั้นผู้น้อย หรือ ลูกจ้างหน่วยงานรัฐ ที่อยากมีบ้านผ่านทางสหกรณ์ตำรวจ สหกรณ์มหาวิทยาลัย โดยที่ผู้ซื้อรายใหม่ไม่ทราบว่าบ้านที่ซื้อมา ยังมีภาระจำนอง โดยบริษัทนี้จะอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของทรัพย์ แต่ในทางกฎหมายถือว่า เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ยังไม่สมบูรณ์

จึงทำให้ผู้เสียหายแต่ละเดือนก็ผ่อนบ้านไปกับสหกรณ์ แต่บริษัทที่ซื้อบ้านมา ไม่ปลดภาระจำนอง ทำให้ผู้ซื้อรายใหม่ที่ซื้อบ้านมาถูกฟ้องร้อง เพราะปัญหาภาระจำนองที่ยังติดค้างอยู่ ซึ่งถ้าอยากอยู่บ้านต่อ ต้องนำเงินหลักล้านไปจ่าย และถ้าไม่มีจ่ายก็จะแพ้คดี ถูกยึดบ้าน ถูกขับไล่ออกจากบ้าน ที่ตั้งใจจะซื้อไว้ให้ลูกให้หลาน ซื้อให้เป็นสมบัติของครอบครัว

ว่าที่ ร้อยตรี ชัชวาลย์ บอกด้วยว่า ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านของตัวเอง ยังถูกหักเงินจากสหกรณ์ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะสหกรณ์ยังไม่รับการเปลี่ยนแปลงชื่อลูกหนี้รายใหม่ ยังเป็นลูกหนี้รายเดิม บางคนต้องออกจากบ้านตัวเองแล้วมาเช่าบ้านอยู่ แต่ละเดือนเหลือเงิน 700-800 บาท เพราะต้องจ่ายค่าเช่าที่ยังถูกหักจากสหกรณ์ เชื่อว่ากรณีแบบนี้มีเยอะทั่วประเทศ เป็นปัญหาที่ลูกหนี้ไม่ทราบ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ด้าน ร้อยตำรวจตรี สมภพ เปิดเผยว่า ตอนแรกลูกเมียไม่ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จนกระทั่งช่วงหลัง ๆ มีหมายศาลมาที่บ้าน ตนเองจึงตัดสินใจเล่าให้ลูกเมียฟัง พอครอบครัวทราบเรื่อง ก็ตกใจอย่างมาก เพราะถ้าไม่มีบ้านอยู่ ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่นี้ เนื่องจากมีบ้านหลังนี้หลังเดียว ที่เป็นที่ซุกหัวนอน ส่วนตนเองก็อุตสาห์ตั้งหน้าตั้งตาผ่อนบ้าน เพราะหวังว่าจะได้มีบ้านไว้เป็นทรัพย์สิน หลังเกษียณก็ยิ่งดี พร้อมยอมรับว่า ดีใจมากที่มีทนายความเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้อยากจะรู้อย่างเดียวว่า ต่อจากนี้ยังจะมีที่ซุกหัวนอนอยู่ไหม

เช่นเดียวกับ ดาบตำรวจประภาส เปิดเผยว่า ตอนนี้ท้อแท้อย่างมาก เพราะตนเองเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ต้องเลี้ยงลูกถึง 2 คน ซึ่งตอนนี้ลำบากอย่างมาก เนื่องจากตนเองก็ยังต้องถูกสหกรณ์หักเงินเดือนทุกเดือน มิหนำซ้ำ ยังต้องไปจ่ายค่าเช่าบ้านอยู่อีก จนทุกวันนี้ ทำให้มีเงินเหลือติดบัญชี แค่เพียงเดือนละ 750 บาทเท่านั้น และไม่คิดว่าทางบริษัทที่ขายบ้าน จะมาทำแบบนี้กับตนเอง

เบื้องต้น ทนายชัช เตรียมฟ้องไปยังบริษัทดังกล่าว ที่นำบ้านออกมาประมูลขาย โดยที่ยังไม่ยอมปลดภาระจำนอง และจะทำการเรียกเงินคืน รวมถึงต้องไปตรวจสอบทางสหกรณ์ด้วยว่า มีส่วนรู้เห็นหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง