วันนี้ (17 ต.ค. 66) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาแม่และลูกสาวอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายไปพบ พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ เพื่อติดตามคดีพ่อแท้ๆข่มขืนตั้งแต่อายุ 12 ขวบ จนตั้งครรภ์และคลอดลูกได้ 17 วันแล้ว โดยคาดว่าจะออกหมายจับในวันนี้ ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้สืบสันดาน” โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะประสานกระทรวงยุติธรรมให้ผู้เสียหายได้รับเงินเยียวยา และจะประสานโรงเรียนให้เด็กได้เข้าเรียนต่อไป
สืบเนื่องจากวันศุกร์ที่ 13 ต.ค. 66 น.ส.อ้อย (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา แจ้งว่าลูกสาวอายุ 14 ปี ถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืน ขณะนี้คลอดบุตรสาวได้ 17 วัน ต้องการดำเนินคดีกับพ่อ โดยพ่อได้ข่มขืนลูกมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ทนทุกข์ทรมานมาตลอด โดยบอกว่า ก่อนหน้านี้ตนอยู่กินกับนายเอ้ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ต่อมาได้เลิกรากันตั้งแต่ปี 54 เพราะนายเอ้มีพฤติกรรมเสพยาเสพติด และชอบทำร้ายทุบตีตนเป็นประจำ
ขณะที่นายเอ้ได้นำลูกสาว 2 คน ไปฝากให้ปู่กับย่าที่ จ.บุรีรัมย์ เลี้ยง และกีดกันไม่ให้แม่ลูกได้เจอกันมาตลอด ส่วนแม่ก็ทำงานรับจ้างอยู่ที่กรุงเทพฯ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายช่วงอายุ 12 ปี ได้ค้นหาเฟซบุ๊กแม่จนเจอและได้แช็ตคุยกันบ้าง แต่ลูกก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมาก ต่อมาพ่อจับได้ว่าติดต่อแม่ จึงทุบโทรศัพท์ของลูกทิ้งและขู่ลูกว่าหากติดต่อแม่อีกจะฆ่าให้ตาย ลูกจึงขาดการติดต่อหลายเดือน
กระทั่งวันที่ 17 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ป้าซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อเด็ก อาศัยอยู่ซอยอ่อนนุช ได้โทรมาบอกแม่ว่า ลูกสาวย้ายจาก จ.บุรีรัมย์ มาเข้าเรียนชั้น ม.2 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และอาศัยอยู่กับพ่อที่แคมป์คนงานก่อสร้างในซอยอ่อนนุช 70/1 ครูที่โรงเรียนเรียกให้ป้าไปพบ และบอกให้พาหลานไปตรวจที่โรงพยาบาล เพราะท้องโตผิดปกติ จนทราบว่า ด.ญ.เอ ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน เนื่องจากถูกพ่อข่มขืน และป้าก็ได้พาหลานกลับไปอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อทำแท้ง แต่หมอบอกว่าลูกท้อง 7 เดือนไม่สามารถทำแท้งได้ หลังแม่รู้เรื่องก็รีบไปรับลูกสาวมาอยู่ด้วยที่ย่านพัฒนาการทันที ก่อนจะพาไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล และลูกสาวเพิ่งคลอดลูกออกมาเป็นทารกเพศหญิง เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา
ต่อมาหลังแม่ไปรับลูกมาอยู่ด้วย ลูกเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เล็กอยู่กับปู่ย่าที่จ.บุรีรัมย์มาตลอด ช่วงปิดเทอม ป.6 ประมาณเดือน เม.ย. 65 พ่อได้ไปรับพามาอยู่กัน 2 คน ที่แคมป์คนงานในซอยอ่อนนุช 70/1 และพ่อได้ข่มขืนกระทำชำเรามาตลอด หลังถูกกระทำลูกจะหนีไปหาป้าที่ซอยอ่อนนุช แต่พ่อก็ไปตามกลับมาทุกครั้ง และพอใกล้เปิดเทอมพ่อก็จะไปส่งที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อเรียนต่อ ม.1 จากนั้นช่วงปิดเทอม พ่อก็จะไปรับมากระทำอีก กระทั่งเดือน พ.ค. 66 ลูกกำลังจะขึ้น ม.2 พ่อได้ไปย้ายโรงเรียนให้มาเรียนที่กรุงเทพฯ ซึ่งเดือน ส.ค. 66 ครูผิดสังเกตเห็นลูกท้องโต จึงแจ้งป้าให้พาไปหาหมอและพบว่าตั้งครรภ์ 7 เดือน ที่ผ่านมาลูกไม่กล้าบอกใคร เพราะพ่อขู่จะฆ่าให้ตาย โดยแม่ต้องการจะดำเนินคดีกับนายเอ้อดีตสามีให้ถึงที่สุด และขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ
หลังรับเรื่องร้องทุกดังกล่าว นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.สุรพงษ์ เพื่อให้แม่และเด็กไปพบ และแจ้งความความดำเนินคดีกับพ่อ โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเบื้องต้น ก่อนส่ง ด.ญ.เอ และทารกแรกเกิดไปตรวจร่างกาย ตรวจดีเอ็นเอเพื่อเป็นหลักฐาน จากนั้นวันที่ 16 ต.ค. 66 นางปวีณา มอบหมายเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาแม่และเด็กไปสอบสหวิชาชีพที่สำนักงานอัยการมีนบุรี และได้พักอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ
ล่าสุดวันนี้ พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ไปขอศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับกุมตัวพ่อหื่นรายนี้แล้วในเช้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ประเวศ ได้ไปควบคุมตัวพ่อคนดังกล่าวจากแคมป์คนงานย่านอ่อนนุช เพื่อมาแจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้ว