เปรมชัย พ้นคุก หลังรับโทษราว 1 ปี 10 เดือน

View icon 137
วันที่ 18 ต.ค. 2566 | 07.11 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - ทันทีที่ นายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้ต้องขังคดีฆ่าเสือดำ ได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากเข้าเงื่อนไขพักโทษ ก็ทำให้นึกถึง นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่กลายเป็นผู้ต้องขังเหมือนกัน เป็นผู้สูงอายุ ป่วยหลายโรค และอาจได้รับการพักโทษ แต่ในความเหมือนก็มีความต่าง 

เปรมชัย พ้นคุก หลังรับโทษราว 1 ปี 10 เดือน
การรับโทษของนายเปรมชัย ในคดีเสือดำ เจ้าตัวต้องโทษอยู่ที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ในความผิดตามกฎหมายป่าสงวนแห่งชาติ, กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า, กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดต่อเจ้าพนักงาน รับโทษจำคุก 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564

กำหนดพ้นโทษกรณีรับโทษเต็มจำนวนโดยไม่ได้รับการลดโทษ คือ วันที่ 7 ธันวาคม 2568 แต่ระหว่างรับโทษ มีการยกเลิกมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า โทษจึงลดลงไป จาก 2 ปี 14 เดือน เหลือ 2 ปี 6 เดือน มีกำหนดพ้นโทษ 7 มิถุนายน 2567 เท่ากับได้รับการยกเลิกโทษไป 8 เดือน จากอานิสงส์ของการแก้กฎหมายดังกล่าว

ระหว่างรับโทษ นายเปรมชัยได้รับการลดโทษในวาระต่าง ๆ จนทำให้กำหนดพ้นโทษ ร่นระยะเวลาลงมาอีก จาก 7 มิถุนายนปีหน้า มาเป็น 7 ธันวาคมปีนี้ จนถึงเมื่อวานนี้ รับโทษไปแล้วประมาณ 1 ปี 10 เดือน ก่อนได้รับอนุญาตให้พักโทษ ได้รับอิสรภาพแบบไม่ต้องใส่กำไล EM ด้วยเหตุผลว่า บริเวณข้อเท้าเคยถูกคว้านเนื้อที่ตายออกจากอาการเบาหวานลงขา การใส่กำไล EM อาจทำให้เกิดการเสียดสีจนเกิดบาดแผลรุนแรงขึ้นอีก เป็นอุปสรรคต่อการรักษากรณีฉุกเฉิน แต่ยังต้องไปรายงานตัวจนกว่าจะครบกำหนดโทษจริงต่อไป ก็เรียกว่าได้สูดอากาศบริสุทธิ์เร็วขึ้นเกือบ 2 เดือน จากเดิมจะพ้นโทษในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ 

สรุปคือ นายเปรมชัยได้รับการลดโทษไป 14 เดือน โดย 8 เดือน จากการยกเลิกมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และอีก 6 เดือน จากการลดโทษตามวาระต่าง ๆ ก่อนจะเข้าหลักเกณฑ์ได้รับการพักโทษ สิ้นสุดการถูกจองจำไปตั้งแต่เมื่อวานนี้

เมื่อเทียบความเหมือน ความต่างในการรับโทษของคนรวยระดับหมื่นล้าน ระหว่าง นายเปรมชัย กับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่เหมือนเลย คือ นายเปรมชัยถูกจับกุมขณะกระทำผิด สู้คดีโดยไม่ได้หนีไปต่างประเทศถึง 3 ศาล ส่วนนายทักษิณ หนีคดีไปนานถึง 15 ปี ก่อนจะกลับมารับโทษ 8 ปี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา

แตกต่างสุด ๆ อีกประเด็นหนึ่ง คือ นายเปรมชัยไม่ได้ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ขณะที่ นายทักษิณยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ทันทีที่เข้าเรือนจำวันแรก และได้รับพระราชทานอภัยลดโทษหลังจากนั้น 10 วัน โทษที่เคยได้รับ 8 ปี ลดลงไป 7 ปี เหลือ 1 ปี

อีกประเด็นความแตกต่างที่น่าสนใจ คือ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำ นายเปรมชัยตรวจพบหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นต้อกระจก, เบาหวาน, ความดันโลหิต, โรคหัวใจ, ไขมันพอกตับ และเส้นเลือดดำอุดตันที่ขา แต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในขณะนั้น เสียงเข้มเลย ให้รักษาตัวในเรือนจำ ไม่อนุญาตไปนอนโรงพยาบาลนอกเรือนจำ ยกเว้นอาการโคม่า ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะในช่วงเวลานั้นกระแสสังคมรุนแรงมาก มีการรณรงค์ "เสือดำต้องไม่ตายฟรี" และนายเปรมชัยต้องโทษอยู่ในเรือนจำนาน 1 ปี 10 เดือน

แตกต่างจากนายทักษิณ ที่ไม่เคยนอนในเรือนจำแม้แต่คืนเดียว โดยคืนแรกก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ และไม่เคยกลับเข้าเรือนจำอีกเลย จนถึงวันนี้อยู่โรงพยาบาลตำรวจมาแล้ว 57 วัน จะครบ 60 วัน ในวันที่ 21 ตุลาคม หรืออีก 3 วันข้างหน้า โดยมีแนวโน้มว่าน่าจะขออนุญาตรักษาตัวนอกเรือนจำต่อเนื่อง

ศรีสุวรรณ จี้ ก.ยุติธรรม สอบอาการป่วย ทักษิณ
อาการป่วยของนายทักษิณที่เป็นปริศนาในมุมมองของหลายฝ่าย ทำให้ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกระบวนการนำตัวนายทักษิณไปรักษาตัวภายนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่า เป็นไปโดยมิชอบหรือไม่ การปล่อยภาพนายทักษิณนอนบนเตียงผู้ป่วย ขณะกำลังถูกเข็นไปทำซีทีสแกน น่าเชื่อได้ว่ามีบุคคลเจตนาเผยแพร่ภาพดังกล่าว ใช้เป็นข้ออ้างในการต่อระยะเวลาการรักษาออกไปอีก ถือเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ชัดเจน เพราะกำหนดให้การรักษาตัวภายนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จะทำได้กับผู้ป่วย 2 ประเภท คือ 1.ต้องเป็นโรคติดต่อร้ายแรง และ 2.ต้องเป็นโรคทางจิตเวช แต่ทั้ง 4 โรคประจำตัวของนายทักษิณ ไม่เกี่ยวข้องกับโรคทั้ง 2 ประเภทนี้ เลย

นอกจากนี้ จากภาพก็จะเห็นได้ว่า นายทักษิณไม่ได้ตัดผมตามระเบียบผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการปฏิบัติ 2 มาตรฐานชัดเจน เพราะก่อนหน้านี้มีนักโทษคดีการเมืองที่สูงอายุมากมาย แต่ก็ถูกตัดผมตามระเบียบทุกคน

ขณะที่ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้มีการรายงานการรักษาตัวนอกเรือนจำของนายทักษิณด้วย

ตามหลักเกณฑ์หากนายทักษิณต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกินกว่า 60 วัน จะต้องขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง แต่คราวนี้อธิบดีต้องรายงานปลัดกระทรวงยุติธรรมรับทราบ แต่หากกินเวลามากกว่า 120 วัน จะต้องรายงานตรงไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

จนถึงขณะนี้ น่าจะชัดเจนแล้วว่า นายทักษิณน่าจะขออนุญาตรักษาตัวนอกเรือนจำต่อหลังครบ 60 วัน และยังไม่มีใครบอกได้ว่า นายทักษิณจะรักษาตัวนอกเรือนจำยาวไปจนถึงวันที่ได้รับอิสรภาพหรือไม่ เพราะหากนับเวลารับโทษเต็มจำนวน 1 ปี จะสิ้นสุดวันที่ 21 สิงหาคมปีหน้า แต่หากนับช่วงขอพักโทษที่ 6 เดือน ก็จะจบที่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ปีหน้า