สนามข่าว 7 สี - ตามกันต่อกับกรณีของ เสี่ยแป้ง นักโทษคนดังในพื้นที่ภาคใต้ ที่ทำทีว่าตัวเองวูบกะทันหัน ขณะถูกนำตัวมารักษาอาการป่วยตามแพทย์นัด แต่อาศัยจังหวะนี้หลบหนีไปได้ ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์สนธิกำลังปิดเมืองนครศรีธรรมราช ตามล่าตัวกลับมาให้ได้ ซึ่งล่าสุดรู้ข้อมูลแล้วด้วยว่าใครเป็นคนพาหลบหนี
นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษชายของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ผู้ต้องขังคดีปล้นทรัพย์ฯ ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทลุง แต่ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ขณะถูกส่งตัวเข้ารักษาทันตกรรมตามนัดแพทย์ โดยหลังเกิดเรื่องพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 2 นาย ได้พยายามช่วยกันตามหานักโทษแล้ว แต่ไม่พบ จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
ก่อนที่ผู้ต้องขังรายนี้จะหลบหนีไปได้นั้น เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา พนักงานราชทัณฑ์ทั้ง 2 นาย ที่เป็นผู้ควบคุมพาผู้ต้องขังรายนี้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ตามนัดของแพทย์เพื่อรักษาทางทันตกรรม แต่เมื่อไปถึงแพทย์เลื่อนนัด ทำให้ต้องเดินทางกลับ แต่ปรากฏว่า นายชวลิต ผู้ต้องขัง เกิดมีอาการวูบ แพทย์อนุญาตให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คาดอาศัยจังหวะนี้ฉวยหลบหนี โดยลงลิฟต์จากชั้น 6 ของตึกอายุรกรรมชาย ลงมาที่ห้องโถงชั้น 1 ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน เห็นภาพ นายเชาวลิต สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงขาสามส่วน สีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ สีขาว โดยเดินออกมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง (เบาะแสว่าเป็นลูกน้องคนสนิทชื่อเล่นว่า ลูกวัว หรือ วัว) หลังจากเดินออกจากลิฟต์แล้วหนีออกจากตึกอายุรกรรมไปพร้อมกับอุปกรณ์พันธนาการ
สำหรับประวัติ นายเชาวลิต ถือเป็นขาใหญ่คนดังในจังหวัดพัทลุง และเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เคยเป็นว่าที่ผู้สัมคร สจ. ช่วงชีวิตที่ผ่านมาก่อวีรกรรมไว้อย่างโชกโชน จนทำให้เจ้าตัวถูกตำรวจดำเนินคดีร้ายแรงหลายคดี อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ โดยคดีปล้นทรัพย์ฯ ความผิดต่อเสรีภาพ และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน กำหนดโทษจำคุก รวม 21 ปี 3 เดือน 25 วัน (พ้นโทษวันที่ 6 พฤษภาคม 2586) แต่เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลทำให้ระหว่างถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางพัทลุง จึงถูกย้ายมาที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 กระทั่งมาก่อเหตุหลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช
นอกจากนี้ เมื่อปี 2560 นายเชาวลิต เคยถูกจับกุมในคดีร่วมกับพวกใช้อาวุธปืน ยิงสังหาร นายอนันต์ คลังจันทร์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยคดีนี้เกิดในท้องที่ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึ่งหากเจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีได้ จะมีการเพิ่มโทษหรือไม่ แน่นอนว่าต้องมีการดำเนินคดีเพิ่มตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่ามีผู้ให้ความช่วยเหลือในการหลบหนีก็จะถูกดำเนินคดีด้วย โทษจำคุกและปรับเท่ากัน ซึ่งเรื่องนี้มีความเห็นจากสภาทนายความฯ มองว่าเป็นการปล่อยปละละเลยในหน้าที่ กรมราชทัณฑ์ จะต้องรับผิดชอบ
จากการให้ปากคำของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทั้ง 2 นาย พร้อมกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบตามเส้นทางการหลบหนี เพื่อติดตามผู้ต้องขังรายนี้กลับมาดำเนินคดีต่อให้เร็วที่สุด และรู้แล้วว่าบุคคลที่ให้การช่วยเหลือในการหลบหนีเป็นใคร แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
งานนี้ไม่รู้ว่า นายชวลิต หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด ป่วยจริง หรือ ป่วยทิพย์กันแน่ แต่มีคนบันทึกภาพชายปริศนาคนหนึ่งเอาไว้ได้ ขณะยืนข้างเตียงที่ นายเชาวลิต นอนพักรักษาอยู่ภายในโรงพยาบาล ทำท่าเหมือนไขอุปกรณ์ที่ใช้พันธนาการ ก่อนจะมาปรากฏข่าวว่า นายชวลิต หลบหนีออกจากโรงพยาบาล ก็ยิ่งเป็นประเด็นที่สังคมสงสัยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลย รวมทั้งประเด็นที่ว่าหลังเกิดเรื่องผู้ต้องขังหลบหนี เหตุใดพนักงานราชทัณฑ์ถึงไม่แจ้งความโดยทันที แต่ปล่อยไว้ถึง 3 ชั่วโมง ค่อยเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
ขณะเดียวกันเมื่อคืนนี้ มีรายงานข่าวว่า เหตุที่ นายชวลิต หลบหนีออกไปครั้งนี้ได้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้ว และคาดว่าน่าจะออกไปล้างแค้นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ นายเชาวลิต แพ้คดี จนต้องโทษจำคุก
ขณะที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ สั่งการให้ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ โดยประสานความร่วมมือตำรวจและทหารในพื้นที่ พร้อมทั้งมอบหมายให้รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ฝ่ายปฏิบัติการลงไปบัญชาการ และสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวด้วย และไม่ว่าใครก็ตามที่ร่วมมือ หรือให้การสนับสนุนในการหลบหนี หรือให้ที่พักอาศัยจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ถ้าญาติและบุคคลใกล้ชิดเจอตัวผู้ต้องขังรายนี้ขอให้เกลี้ยกล่อมยอมมอบตัวเสียดีกว่า และหากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 0 7580 3905 หรือ 09 6641 1495 ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มีรางวัลนำจับให้จำนวน 100,000 บาท