ห้องข่าวภาคเที่ยง - การหนีคดีของ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" พอจะเทียบเคียงได้ก็เป็นกรณีของ "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" คนนี้ก็หนีเหมือนกัน แต่หนีระหว่างถูกนำตัวไปขึ้นศาลอาญาฯ เมื่อปลายปีที่แล้ว เฉพาะคดีหนีศาลอย่างเดียว คนที่ช่วยเหลือ และตัวนายประสิทธิ์ ทั้งหมดถูกสั่งจำคุกคนละ 4 เดือน
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดีอาญา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ถูกนำตัวไปขึ้นศาลฯ เพื่อสืบพยาน ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 903 ชั้น 9 ระหว่างถูกนำตัวไป นายประสิทธิ์ ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้คุมไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับห้องพิจารณา
จากนั้นไม่นาน นายประสิทธิ์ ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเครื่องแต่งกายที่ไม่ใช่ชุดนักโทษ คือ สวมใส่หน้ากากอนามัย ใส่เสื้อยืด กางเกงยีน รองเท้า และถุงเท้า เจ้าหน้าที่ผู้คุมที่เฝ้าหน้าห้องน้ำสังเกตเห็นมีคนเดินออกมา แต่ไม่ได้ใส่ชุดเรือนจำ พอมองไปที่ใบหน้ากลับพบว่า คือ นายประสิทธิ์ จึงเรียกให้หยุด แต่นายประสิทธิ์กลับวิ่งหลบหนี ผู้คุมจึงวิ่งไล่ตามจากชั้น 9 ลงมาจนถึงบริเวณชั้น 3 ซึ่งตอนนั้น นายประสิทธิ์ สะดุดหกล้มกลิ้งลงมาได้รับบาดเจ็บ จึงถูกจับกุมตัวไว้ได้
คดีนี้ตำรวจไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ามีผู้ที่ช่วยหลบหนี 2 คน คือ นายสมประสงค์ และ นางสาวกัญญามาส เลขาฯ ส่วนตัวนายประสิทธิ์ โดย นายสมประสงค์ ทำหน้าที่จัดเตรียมเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้า ไปส่งให้นายประสิทธิ์ที่ห้องน้ำชาย ชั้น 9 ส่วน นางสาวกัญญามาส เลขาฯ ส่วนตัวนายประสิทธิ์ เตรียมเงินสด 11,000 บาท ไปมอบให้นายประสิทธิ์ที่ห้องพิจารณาใช้หลบหนี
คดีนี้ศาลฯ มีคำพิพากษาจำคุกทั้ง 3 คน คนละ 4 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาลฯ แต่จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 2 เดือน อันนี้ไม่รวมคดีที่ นายประสิทธิ์ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ที่ถูกศาลฯ สั่งจำคุก 1,115 ปี แต่ติดจริง 20 ปี พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายกว่าพันล้านบาท
คดีนี้มีการสืบสวนภายในกรมราชทัณฑ์ต่ออีก เพื่อหาคนที่ช่วยเหลือ นายประสิทธิ์ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ นายประสิทธิ์ จะสะเดาะกุญแจโซ่ตรวนนักโทษเองได้ สุดท้ายพบว่า มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 คน ให้การช่วยเหลือ
คนแรก เป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้ที่ควบคุมตัว นายประสิทธิ์ ระหว่างที่ไปขึ้นศาล ร่วมวางแผนกับบุคคลภายนอกพาตัว นายประสิทธิ์ ไปที่ห้องน้ำเพื่อทำการหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่รายนี้ให้การยอมรับว่า ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ มีคำสั่ง "ไล่ออกจากราชการ"
อีกคนเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม ที่ นายประสิทธิ์ ถูกคุมขังอยู่ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า วันเกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรับตัว นายประสิทธิ์ เพื่อมาขึ้นศาล ในขั้นตอนของการตรวจค้นตัวผู้ต้องขังก่อนออกจากเรือนจำ เจ้าหน้าที่รายนี้ได้ขอสลับตำแหน่งจุดปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนโดยพลการ ทำให้ในจุดดังกล่าวไม่มีการตรวจค้น เป็นเหตุให้ นายประสิทธิ์ สามารถนำกุญแจออกมาได้ คนนี้ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน แต่จากพฤติการณ์น่าเชื่อได้ว่ามีความเกี่ยวข้อง จึงมีคำสั่ง "ให้ออกจากราชการ"
