“ภูมิธรรม” ชง 4 มาตรการดูแลราคาข้าวฤดูกาลผลิต 2566/67 ใช้วิธีเก็บสต็อกข้าวเปลือกของชาวนา รอจังหวะขายเมื่อข้าวได้ราคาดี ชง นบข. พิจารณาวันที่ 1 พ.ย.นี้ คาดใช้เงินกว่า 6.9 หมื่นล้านบาท มั่นใจโครงการนี้เดินหน้าได้แน่
วันนี้ (30 ต.ค.66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ประชุมร่วมกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เกี่ยวกับมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปี 2566/67
โดยวันที่ 1 พ.ย.นี้จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณา มาตรการดูแลราคาข้าวช่วยเกษตรกร 4 โครงการ วงเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้รวม 69,043.03 ล้านบาท ซึ่งได้หารือกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาใช้แล้ว ยืนยันว่าไม่มีปัญหา
4 โครงการดูแลราคาข้าว ช่วยชาวนา
1. การเก็บสต็อกเกษตรกรและสหกรณ์เพื่อชะลอข้าวเปลือก เป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยช่วย 1,500 บาท/ตัน ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1–5 เดือน และให้นำออกขายเมื่อข้าวราคาดี โครงการนี้จะเริ่ม 1 ต.ค. 2566-29 ก.พ. 2567 และเกษตรกรสามารถนำข้าวไปขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยข้าวหอมมะลิตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 ล้านบาท ข้าวหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเหนียว ตันละ 10,000 บาท หากข้าวราคาขึ้น เกษตรกรสามารถไปไถ่ถอนออกมา เพื่อนำมาจำหน่ายได้
2. ผู้ประกอบการเก็บสต็อก เป้าหมาย 10 ล้านตัน ช่วยดอกเบี้ย 4% เก็บสต็อก 2–6 เดือน ระยะเวลารับซื้อ 1 พ.ย. 2566-31 มี.ค. 2567
3. สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก เป้าหมาย 1 ล้านตัน วงเงิน 481.25 ล้านบาท โดยสหกรณ์จ่ายดอกเบี้ย 1% รัฐช่วยดอกเบี้ย 3.85% ระยะเวลา 15 เดือน ระยะเวลาการจ่ายสินเชื่อ 1 ต.ค. 2566-30 ก.ย. 2567
4.ช่วยลดต้นทุนการผลิต หรือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ ครัวเรือนละ 20,000 บาท วงเงิน 56,321.07 ล้านบาท
“คาดว่ามาตรการที่ให้เกษตรกร สหกรณ์ และให้ผู้ประกอบการช่วยเก็บสต็อกและเสริมสภาพคล่องจะทำให้ราคาข้าวเปลือกในฤดูกาลนี้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นได้ ถึงแม้รัฐบาลจะไม่มีนโยบายจำนำข้าวก็ตาม ในเรื่องเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้ก็ไม่มีปัญหาอะไร สามารถดำเนินการได้” นายภูมิธรรมกล่าว
