สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - แม่พาลูกสาวอายุ 12 ขวบ นักเรียนชั้น ม.1 ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังลูกสาวถูกลุงเขย ซึ่งเป็นประธานชุมชน ข่มขืนกระทำชำเรามานานกว่า 4 ปี จนตั้งครรภ์ และเพิ่งคลอดลูกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้ทำตามที่ผู้เสียหายอ้าง
เรื่องนี้เริ่มจากที่แม่พาลูกสาวอายุ 12 ขวบ นักเรียนชั้น ม.1 ไปขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยเล่าให้ฟังว่า ผู้ก่อเหตุมีศักดิ์เป็นลุงเขย เป็นประธานชุมชนแห่งหนึ่ง ล่อลวงลูกสาวไปนอนพักที่บ้านพี่สาวตนเอง และจะฉวยโอกาสช่วงกลางวันที่มีแค่ผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่กับลูกสาวเพียงลำพัง 2 ต่อ 2 ลงมือกระทำชำเรา ซึ่งทำแบบนี้มาตั้งแต่ที่ลูกสาวอายุแค่ 10 ขวบ แต่ละครั้งผู้ก่อเหตุไม่ได้ข่มขู่อะไร เพียงแต่บอกว่า "อย่าไปบอกใคร" ก่อนจะให้เงินครั้งละ 1,000 บาท จนกระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ครอบครัวเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ ลูกสาวมีสภาพคล้ายหญิงตั้งครรภ์ จึงพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ถึงได้รู้ว่าตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนแล้ว และลูกสาวก็ยืนยันว่าคนที่ก่อเหตุเป็นลุงเขยเอง
หลังทราบเรื่องก็ได้ไปสอบถามเรื่องนี้กับพี่เขย และพี่สาว ครั้งแรกก็พูดทำนองเหมือนจะขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมรับสิ่งที่ทำลงไป แต่แล้วก็อ้างว่าตัวเองเป็นหมัน จะไม่ยอมรับผิดชอบใด ๆ ทั้งกล่าวหาว่าตัวเองเลี้ยงลูกไม่ดี โยนความผิดกลับมาที่ฝั่งของตนเอง ทำให้ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก จนลูกสาวคลอดลูก พี่เขยจึงเปลี่ยนใจขอเจรจาไกล่เกลี่ย ส่วนพี่สาวบอกให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย จึงได้พาลูกสาวไปแจ้งความ แต่กลับถูกญาติพี่น้องกดดันว่าไม่เห็นแก่คุณความดีของพี่เขยที่ทำให้กับชุมชน และยังมีผู้ใหญ่บางคนมากดดันอีก ทำให้กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงกับลุงเขย ซึ่งเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ปฏิเสธว่าไม่เคยกระทำชำเราหลานสาวตนเอง ช่วงที่หลานสาวมาอยู่ที่บ้านเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งไม่ได้มีแค่ตนเอง แต่ยังมีภรรยาของตนและแม่ของเด็กมาพักด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือก่อเหตุ ส่วนเรื่องที่มีการคุยกันเพียงตอบรับว่ายินดีที่จะรับลูกของหลานสาวมาเลี้ยง เพราะตนเองกับภรรยาไม่มีลูก และที่ไกล่เกลี่ยกัน เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย พร้อมกับยืนยันเรื่องที่ตนไม่สามารถมีลูกได้
สำหรับเรื่องการให้ความเป็นธรรม นายเอกภพ บอกว่าได้คุยกับตำรวจ สน.อุดมสุข ทราบว่ามีการออกหมายเรียกให้ลุงเขยไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และเจ้าตัวก็ให้การปฏิเสธ ส่วนเด็กก็ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพแล้วเช่นกัน จึงเหลือเพียงการเร่งรัดดำเนินคดี นำสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาความเห็นสั่งฟ้องเท่านั้น
