ดีเอสไอ รวบคาสนามบิน เจ้าของเว็บพนันเครือ UFA ทำหน้าที่บริหาร 83 บัญชีม้า เงินหมุนเวียนหมื่นล้าน นำตัวฝากขัง ศาลไม่ให้ประกัน เผย ใช้ชีวิตสมถะ ไม่ใช่สายเปย์ ไม่โชว์ ทำให้ติดตามตัวตนยาก
วันนี้ (7 พ.ย.66) พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลการจับกุมนายภาคภูมิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุประมาณ 20 ปีเศษ เจ้าของเว็บออนไลน์ในเครือ UFA ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 3683/2566 เมื่อวันที่ 28 ต.ค.66 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังเดินทางกลับจากฮ่องกง
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก ดีเอสไอดำเนินคดีพิเศษที่ 8/2566 ซึ่งเป็นคดีที่ดำเนินการสอบสวนต่อเนื่องจากคดีพิเศษ 60/2563 (คดีชบา ภาค 1) ที่ดำเนินคดีกับเจ้าของสโมสรฟุตบอล และเจ้าของร้านอาหารชื่อดังไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยดีเอสไอพบความผิดปกติเส้นทางการเงินของนางชบา อธิบดีดีเอสไอจึงสั่งการให้กองคดียาเสพติด สืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงจากนางชบาว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมายฐานใดหรือไม่ เป็นคดีพิเศษที่ 8/2566 (คดีชบา ภาค 2) จนพบว่า นายภาคภูมิ หรือดีดี้ (ขอสงวนนามสกุล) อายุประมาณ 20 ปีเศษ มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงบัญชีม้าในเครือข่ายของนางชบา
โดยตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกันกว่า 83 บัญชีเงินฝากธนาคาร ส่วนใหญ่เป็นบัญชีของบุคคลต่างด้าว 50 บัญชี ซึ่งมีนายจ้างรับรองการเปิดบัญชี และบัญชีคนไทย 30 บัญชี มีนายภาคภูมิเป็นผู้จัดการควบคุมบัญชีทั้งหมด โดยบางบัญชีมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท จึงอายัดบัญชีธนาคารไว้ 83 บัญชี ส่วนทรัพย์อื่นกำลังติดตาม ขณะที่หลักฐานการสอบสวนของดีเอสไอตั้งแต่ปี 2563 พบมีเงินหมุนเวียนในเว็บพนัน 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบตัวตนนายภาคภูมิยากมาก เพราะนายภาคภูมิจะทำตัวสมถะ เดินทางไปต่างประเทศบ่อย แต่ไม่ใช่สายเปย์ ไม่โชว์ และทำกิจกรรมที่คนทั่วไปไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ในเครือ UFA โดยนายภาคภูมิยังทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการรายได้จากเอเยนต์เว็บไซต์พนันที่รับไปทำการตลาดอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเอเยนต์เหล่านี้ต้องจ่ายค่าดำเนินการ 3 เปอร์เซ็นต์ให้กับเจ้าของเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์หลัก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงิน พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา
ต่อมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดียาเสพติดได้สืบสวนจนทราบว่า นายภาคภูมิ ได้เดินทางออกนอกประเทศและจะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 4 พ.ย.66 เวลาประมาณ 23.00 น. จึงประสานชุดปฏิบัติการของศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำการจับกุมนายภาคภูมิ นำส่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดียาเสพติดเพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นนายภาคภูมิยังปฏิเสธไม่ขอให้การใดๆ พนักงานสอบสวนจึงนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ส่วนบุคคลที่เหลือดีเอสไอจะขยายผลและจะเรียกสอบปากคำพยานต่อไป