วันนี้ (9 พ.ย. 66) หมอหมู หรือ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้โพสต์เฟซบุ๊กโพสต์เตือน
โดยหมอหมูได้โพสต์ระบุข้อความอธิบายไว้ว่า พิษก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ อันตรายที่ซ่อนอยู่ในเตาแก๊ส
นักวิจัยเปิดเผยว่าระดับไนโตรเจนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยนั้นสูงเกือบสองเท่าในการปรุงอาหารที่บ้านด้วยแก๊ส
นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ตรวจวัดคุณภาพอากาศในบ้าน 276 หลังทั่วประเทศอังกฤษที่มีประชากรจำนวนมากปรุงอาหารโดยใช้แก๊ส ทีมวิจัยเลือกบ้านที่ผู้คนไม่สูบบุหรี่ซึ่งอยู่ห่างจากถนนและโรงงานที่พลุกพล่าน เพื่อลดความเสี่ยงจากแหล่งมลพิษอื่นๆ
การเผาไหม้ก๊าซเพื่อปรุงอาหารจะปล่อยสารมลพิษ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ที่ทำร้ายปอดและทางเดินหายใจ
การค้นพบที่น่ากังวลเผยให้เห็นว่าระดับเฉลี่ยของ NO2 สูงเกือบ 2 เท่าในบ้านที่ใช้แก๊สในการปรุงอาหาร
นักวิจัยอธิบายว่า มลพิษในบ้านที่ปรุงอาหารด้วยแก๊สจะเพิ่มสูงขึ้นและจะรุนแรงมากขึ้นเมื่อปรุงอาหารนานขึ้น
Piet Jacobs นักวิทยาศาสตร์จากองค์การเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่งเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า “การเปลี่ยนมาใช้การปรุงอาหารด้วยไฟฟ้า โดยควรใช้ร่วมกับการใช้เครื่องดูดควันระบายอากาศที่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อลดการสัมผัสอนุภาคในระดับสูงจากการปรุงอาหาร สามารถทำให้ NO2 ต่ำมาก จนไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”
ภาวะที่ร่างกายได้รับไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เข้าไปมากเกินไป
1) หากได้รับ NO2 ปริมาณน้อย อาจมีอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ เช่น แสบจมูก ไอ เจ็บคอ แสบตา จาม เป็นต้น
2) ในกรณีที่ได้รับ NO2 ปริมาณมาก อาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น หายใจลำบาก หายใจไม่ออก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มึนงง ช็อก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
กลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับพิษ NO2 ได้ง่าย ได้แก่
1) เด็กเล็ก
2) ผู้สูงอายุ
3) ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ
การรักษาพิษ NO2 ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ในกรณีที่มีอาการเล็กน้อย อาจรักษาโดยการพักผ่อน ดื่มน้ำมาก ๆ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศสูง ในกรณีที่มีอาการรุนแรง อาจต้องให้การรักษาในโรงพยาบาล เช่น ให้ออกซิเจน การให้ยาขยายหลอดลม เป็นต้น
หากสงสัยว่าอาจได้รับพิษ NO2 ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมนะครับ