ทนายรณรงค์ บุกทดลองรักษากับอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต เผย ไม่หายยังปวดเหมือนเดิม

ทนายรณรงค์ บุกทดลองรักษากับอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต เผย ไม่หายยังปวดเหมือนเดิม

View icon 561
วันที่ 15 พ.ย. 2566 | 08.49 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ทนายรณรงค์ บุกทดลองรักษากับอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต เผย ไม่หายยังปวดเหมือนเดิม แนะควรทำการรักษากับหมอกายภาพน่าจะตรงกับอาการมากกว่า ก่อนเกิดปะทะคารมกับลูกศิษย์อาจารย์เอก

วันที่ 14 พ.ย.66 เมื่อเวลา 17.30 น.โรงแรมศศิ นนทบุรี แอนด์ อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 88/87 ถนนกาญจนาภิเษก ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต หรือ นายกีรติ สมคิด อายุ 53 ปี มาเปิดทำการรักษาผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์และโรคชนิดต่าง หลังตกเป็นข่าวมาตลอดทั้งวันจากการไปท้าทายให้สาธารณสุขจังหวัดต่างๆมาทดลองพิสูจน์ศาสตร์การรักษาดังกล่าว

นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความชื่อดัง ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้เดินทางมาขอทดลองทำการรักษาอาการปวดเมื่อยกับอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต แต่ทางลูกศิษย์ผู้ติดตามอ้างว่าต้องนัดและรออาจารย์จะเข้ามาเปิดรักษาอีกครั้งในวันที่ 3 วันที่ 4 แต่ทนายรณณรงค์ ได้เดินเข้าไปในห้องจนพบตัวอาจารย์เอก ทางอาจารย์เอกจึงทำการรักษาให้ทนายรณรงค์ ด้วยการจับไหล่ พร้อมกับเปล่งเสียง แต่ทางทนายรณณรงค์บอกว่าไม่หาย ทำให้อาจารย์เอกหันมาจับไหล่ให้อีก แต่ทนายรณรงค์ก็บอกยังไม่หายอีก ทำให้อาจารย์เอกบอกว่ามันจะหายขาดได้อย่างไร เพิ่งจะทำการรักษาเมื่อตะกี้ พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุว่าเกิดจากความเครียดการเกร็ง ไม่มีอะไรหายขาด แต่เราทำให้จากหนักเป็นเบาได้ แต่ไม่หายขาดถ้ามาแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่ตนเข้าใจว่า มาแบบต้องการเอาความชัดเจนเลย เพราะทนายตั้งใจมาทดสอบมากกว่า จากนั้นอาจารย์เอกจะลุกไปจับไหล่คนป่วยอีกรายว่าเขาสามารถลุกเดินได้แล้ว จากที่ตอนมารักษานั้นแม้แต่พูดก็พูดไม่ได้ ตอนมาก็ต้องหิ้วปีกมา

หลังสิ้นเสร็จสิ้นการทดลองรักษาด้วยศาสตร์พลังจิตแล้ว ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หลังตนตื่นนอนมาก็รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย จึงตัดสินใจมารักษาที่นี่ดู รู้ว่ารักษาด้วยพลังจิตจึงมานวด แต่หลังจากทดลองรักษาดูแล้วตนก็ยังไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกหรือสัมผัสได้ว่ามีพลังงานอะไรวิ่งผ่านให้รู้สึกเลย ตอนนี้ยังปวดเหมือนเดิม คงต้องไปซื้อยากินเพิ่ม ถ้ามีพลังงานอะไรผ่านเข้ามามันต้องให้เรารู้สึกอะไรบ้าง แต่ตนรู้สึกเหมือนแรงจับปกติเท่านั้น ตนไม่ได้มาจับผิด แต่ถ้าของมันมีจริงก็ต้องสัมผัสได้หรือพิสูจน์ได้กับทางวิทยาศาสตร์

ทนายรณณรงค์ กล่าวอีกว่า ตนแนะนำว่าถ้ามีอาการปวดเมื่อย ควรจะไปปรึกษาและทำการรักษากับหมอกายภาพน่าจะตรงกับอาการมากกว่า ทุกคนควรจะต้องไปหาหมอแพทย์แผนปัจจุบันก่อน ไม่ใช่ว่าไม่รักษากับแพทย์แผนปัจจุบันแล้ววิ่งมาหาศาสตร์พลังจิตเลยแบบนี้ตนก็ไม่สนับสนุน อย่างตนมีอาการปวดหลังจากการนั่งออกอากาศในรายการต่างๆ วันละหลายชั่วโมง และตนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยในการเดินทางมารักษาในวันนี้ ไม่รู้จิตของตนคงไม่ดีมั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ทนายรณรงค์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวนั้น มีลูกศิษย์คนติดตามอาจารย์เอกมายืนฟังอยู่ด้วย ก่อนจะต่อทนายรณรงค์ว่า เป็นคนป่วยเพียงคนเดียว ที่มารักษาแล้ว ไม่รู้สึกอะไรแตกต่างจากคนป่วยรายอื่นๆ ที่เดินทางมารักษาตลอดทั้งวัน ทำให้ทางทนายรณณรงค์ โต้กลับว่า ก็ตนมารักษาแล้วมันไม่รู้สึกอะไร จะมาบังคับให้ตนรู้สึกได้อย่างไร พูดแบบนี้เหมือนจะมาบังคับให้ตนรู้สึกตามไปด้วยใช่ไหม ตนรู้สึกแค่ว่าเหมือนโดนจับเฉยๆ มันไม่มีพลังอะไรวิ่งเข้ามา ไม่รู้สึกอะไรเลยเท่านั้นเอง คือ อย่างแรกถ้าทำแล้วมันรู้สึกได้ก็คือรู้สึก แต่ถ้าไม่รู้สึกมันก็คือไม่รู้สึก และเรื่องนี้ตนอยากให้นายแพทย์ชลน่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาตรวจสอบและหาความกระจ่างในเรื่องนี้ เพราะไม่อย่างงั้นชาวบ้านจะมองว่าต่อไปไม่ต้องไปหาหมอเพื่อรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว แต่หันไปหาศาสตร์พลังจิตเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนไม่สนับสนุน แต่ถ้ามีคุณหมอสักคนออกมายืนยันว่า ศาสตร์อันนี้มันรักษาได้จริง อันนี้ถึงจะฟังได้ในทางวิทยาศาสตร์ว่ามันรักษาได้อย่างไร ไม่ใช่ต้องมาบังคับให้มีความเชื่อเสียก่อนแล้วถึงจะรักษาหาย แบบนี้มันก็แปลกๆ

ทางด้านนายกีรติ สมคิด หรือ อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาเปิดให้การรักษาที่นี่ ก็เพราะมีกลุ่มผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่รวมตัวกันนัดหมาย เพื่อเรียกร้องเชิญตนให้มาช่วยรักษา ซึ่งก็เป็นแบบนี้เกือบทุกจังหวัด ข่าวที่ออกไปว่าตนไปท้าทายนายแพทย์ชลน่าน รมว.สาธารณสุขนั้น ตนไม่ได้ท้าทายแต่เป็นการเชิญให้มาพิสูจน์ให้รู้ว่าศาสตร์นี้มันมีและดี ควรจะให้การสนับสนุนให้เป็นรูปแบบ เพราะตอนนี้ตนยังไม่มีใบรับรองอะไร เพราะเป็นศาสตร์ที่ตนเพิ่งคิดค้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกแล้วแบบนี้จะให้ใครมารับรองศาสตร์ที่ตนคิดค้นขึ้นมาได้ ซึ่งในตอนนี้ตนกำลังให้ทีมงานแบะทนายความจัดเตรียมเอกสารเพื่อขอจดทะเบียนให้ถูกต้องต่อไป เพื่อต่องการให้ศาสตร์นี้อยู่กับประเทศไทยแล้วดึงดูดคนต่างชาติให้เข้ามาที่ประเทศไทยอีกทาง ที่ผ่านมาเคยมีคนไข้ที่ไปรักษาอาการป่วยจนหมดเนื้อหมดตัวมาจอรับการรักษากับตนที่เสียเพียงแค่ค่าครู และตนก็ไม่ได้ไปบอกกับคนป่วยคนไข้ว่า ให้มารักษากับตนเพียงคนเดียว แต่ตนบอกว่าถ้าไปรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันแล้วไม่หายหรือช่วยไม่ได้ ค่อยมารักษากับตน และตนก็ไม่ได้หลอกลวงใคร ตนคิดค่ารักษาเป็นค่ายกครูเท่านั้น ตนไม่ได้หวังในเรื่องเม็ดเงิน เรื่องนี้ตนอยากให้ทาง รมว.สาธารณสุขเปิดใจยอมรับเพราะตนทราบมาว่า รมว.สาธารณสุขคนปัจจุบันเป็นคนที่เปิดใจ

อาจารย์เอก กล่าวอีกว่า โรคบางโรคแม้ไปตรวจรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ หาสาเหตุไม่เจอก็มี เพราะการป่วยมันมีหลายรูปแบบบางครั้งก็ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ซึ่งก็เหมือนกับศาสตร์พลังจิตเหมือนกันที่ไม่สามารถรักษาช่วยได้ทุกเรื่อง และตนไม่เคยไปบอกว่าสามารถรักษาโรคให้หายได้ทุกโรค เพียงแต่ถ้าคนป่วยมาขอให้ช่วยตนก็ทำการรักษาให้เต็มที่จากศาาตร์พลังจิตที่ตนมี ส่วนรักษาไปแล้วจะดีหรือไม่ดีอย่างไร คนป่วยคนรักษาจะเป็นคนบอกได้เอง และที่ผ่านมาตนเองก็ไม่เคยถูกคนป่วยที่มารักษากับตนฟ้องร้องอะไรกับตนเลยสักคน

นอกจากนี้ที่ผ่านมา ตนก็เคยถูกทางสาธารณสุขตังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี มาตรวจสอบตนไปแล้ว แต่ก็ไม่พบความผิดใดๆ เพราะตนรักษาด้วยศาสตร์พลังจิต ซึ่งเป็นศาสตร์รักษาทางการเลือก ไม่ได้ให้ยาหรือขายยาใดๆให้กับผู้ป่วย ส่วนเรื่องที่ตะมีหน่วยงานต่างๆ มาตรวจพิสูจน์ในศาสตร์นี้ตนก็ยินดีและพร้อมจะให้ร่วมกันพิสูจน์เพราะที่ผ่านมานั้นตนก็เคยรักษาทั้งระดับนายพล หมอ เจ้าของโรงพยาบาล หรือแม้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาแล้ว

ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็พร้อมที่ยืนยันให้กับตน นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องของยายเสา ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ที่ตาบอด 100 % แล้วตนเคยเดินทางไปรักษาจนอาการดีกลับมามองเห็นได้อีกครั้งนั้น แต่กลับมีข่าวออกมาว่ายายเสากลับมาตาบอดอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ตนเคยบอกยายเสาไปแล้วว่าการรักษาต้องเป็นแบบต่อเนื่อง แต่ตนไม่สามารถเดินทางไปรักษายายเสาได้ทุกครั้งเนื่องจากตนเองก็มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพราะมีกลุ่มลูกศิษย์และคนติดตามตนไปจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องให้ยายเสาเป็นฝ่ายเดินทางมารักษากับตน ซึ่งหลังจากตนว่างแล้วตนจะกลับไปพิสูจน์เรื่องการรักษาดวงตาของยายเสาอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง