ปปง. ยึดทรัพย์ขบวนการ หมูเถื่อน

View icon 99
วันที่ 20 พ.ย. 2566 | 11.31 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ช่อง 7HD ยังคงตามคดี "หมูเถื่อน" อย่างต่อเนื่อง หลังจากดำริของนายกรัฐมนตรี ที่ตำหนิอธิบดีดีเอสไอ ออกสื่อ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผ่านมาแค่ 8 วัน คดีนี้เรียกว่าเดินหน้าเต็มรูปแบบ ทั้งเข้าตรวจค้นเป้าหมาย จับนายทุนนำเข้า "หมูเถื่อน" และล่าสุดวันนี้ก็มีการยึดทรัพย์ขบวนการนี้แล้ว    

โดยที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ก็มีการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. และพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ใจความสำคัญของวันนี้ คือการได้ทำอะไรไปบ้างกับขบวนการ "หมูเถื่อน"

โดยทาง ดีเอสไอ บอกว่า ตอนนี้ได้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 8 คน เป็นบริษัทชิปปิง 6 คน และนายทุนพ่อลูก 2 คนที่เข้ามอบตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันพรุ่งนี้ได้เรียกนายทุนอีก 1 คน มาสอบปากคำ และดำเนินคดี อีกประเด็นคือการติดตามเนื้อหมูเถื่อน 2,385 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีการลักลอบนำเข้ามาตั้งแต่ ปี 2564 ว่าถูกนำไปจำหน่าย หรืออยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องถูกเรียกมาสอบปากคำและดำเนินคดี

ส่วนการยึดทรัพย์ ปปง. ชี้แจงว่า ได้อายัดทรัพย์บริษัทชิปปิงไปแล้ว 53 ล้านบาท เป็นที่ดิน บ้าน รถยนต์ จำนวน 31 ล้านบาท และเงินสดในบัญชีธนาคารอีก 22 ล้านบาท และเตรียมไปยึดทรัพย์นายทุนพ่อลูก หลังจากที่ดีเอสไอ ส่งรายชื่อบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดมาให้ ส่วนผู้จัดจำหน่ายตอนนี้ก็รอให้ดีเอสไอ ส่งรายชื่อมา

ส่วนกลุ่มที่ ปปง. จับตาเป็นพิเศษ คือ กลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการ และกลุ่มฟอกเงินให้กับเครือข่าย คาดว่าจะดำเนินการได้ในอีก 2-3 สัปดาห์นี้

คดีนี้ พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ระบุว่า เครือข่ายนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนในการฟอกเงิน แต่จำนวนทรัพย์สิน และจำนวนหมูเถื่อนที่ตรวจสอบมีเป็นจำนวนมาก จึงต้องติดตามให้ได้ว่า ทรัพย์สินที่ได้จากการจำหน่ายเนื้อหมูเถื่อนมีจำนวนเท่าใด นอกจากนี้ยังทราบว่า ดีเอสไอ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะตรวจสอบยึดทรัพย์ด้วย

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปปป. เอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐฯ 8 คน ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ "หมูเถื่อน" โดยทั้ง 8 คน กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน 

คดีแรกให้เอาผิดกับ "ผู้อำนวยการส่วนควบคุมด่านศุลกากร" "อดีตนายด่านศุลกากรแหลมฉบัง" "อดีตรองอธิบดีฝ่ายปราบปราม" และ "อดีตอธิบดีกรมศุลกากร" ในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยนายอัจฉริยะให้ข้อมูลว่า หลังจากตู้คอนเทนเนอร์มาถึงที่ท่าเรือ บริษัทชิปปิงได้สำแดงเท็จ เปลี่ยนจากเนื้อสุกรเป็นเม็ดพลาสติก หรือพอลิเมอร์ โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 4 คน 

คดีที่สองให้เอาผิด "อดีตหัวหน้าด่านกักสัตว์ชลบุรี" ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ และเรียกรับสินบนกับบริษัทชิปปิ้ง ในราคาตู้คอนเทนเนอร์ตู้ละ 30,000 บาท แลกกับการไม่ตรวจโรค หรือหาที่มาของหมูว่า มีคุณภาพหรือไม่

การช่วยขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนโดยปกติแล้ว ก่อนจะปิดการนำหมูเข้ามาภายในประเทศนั้น บริษัทชิปปิ้งจะต้องแจ้งหัวหน้าด่าน ให้มีการ ซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ได้เวลาค่อนข้างยาวนาน จึงทำให้อดีตหัวหน้าด่านจากการสัตว์ชลบุรีคนนี้ ได้มีการตกลงกับบริษัทชิปปิ้ง ให้จ่ายมาในราคาตู้ละ 30,000 บาท เพื่อแลกกับการได้เข้าไปตรวจ

และคดีที่สาม ให้เอาผิด "เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์พญาไท" 3 คน เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ปล่อยของกลางเป็นตับหมูที่มีการอายัดไว้ตรวจสอบ 3 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 75 ตัน ต่อมาพบเชื้อโรค 1.5 ตัน ซึ่งโดยปกติแล้ว จะต้องทำลายตับหมูที่นำเข้ามาทั้งหมดทิ้ง แต่เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน กลับทำลายเพียงแค่จุดที่ตรวจพบเชื้อโรค ส่วนตับหมูจุดอื่นได้อนุญาตให้นำออกไปขายต่อได้

ในช่วงบ่ายวันนี้ คณะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาพยานหลักฐานว่าครบถ้วนหรือไม่ ก่อนจะไปขอศาลอาญาออกหมายค้นและหมายจับ 2 บริษัทชิปปิงเอกชน ประกอบด้วย บริษัท ศ. เกี่ยวข้องกับตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อนที่ถูกอายัดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี 39 ตู้ และบริษัท ส. เกี่ยวข้อง 2 ตู้ รวม 41 ตู้ จากนั้นจึงจะขยายผลไปจับกุมนายทุนที่สั่งนำเข้า ซึ่งรายนี้ข้อมูลเชิงลึกสามารถโยงไปถึงนักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลัง บอกใบ้ได้แค่ว่าเป็นพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง