ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เขาเชื่อว่า อิสราเอลกับกลุ่มฮามาสใกล้จะบรรลุข้อตกลงการปล่อยตัวประกันมากกว่าการเจรจาทุกครั้งที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสกำลังพยายามหาทางให้ทุกฝ่ายบรรลุข้อตกลงปล่อยตัวประกันราว 50 คน แลกกับการหยุดยิงชั่วคราว 3 วัน ซึ่งจะทำให้สามารถส่งความช่วยเหลือฉุกเฉินเข้าไปช่วยเหลือพลเรือนในฉนวนกาซาได้
ขณะที่ ทูตอิสราเอลประจำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว "เอบีซี" ของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขาหวังว่าข้อตกลงจะบรรลุผล "ในอีกไม่กี่วันนี้" ขณะที่ สำนักข่าววอชิงตันโพสต์รายงานว่า ข้อตกลงเหล่านี้ได้รับการเห็นชอบแล้ว แต่ทำเนียบขาวและอิสราเอลยังคงปฏิเสธ
ขณะเดียวกัน ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ได้พบกับผู้นำกลุ่มฮามาสที่กาตาร์ เพื่อหารือ "ประเด็นด้านมนุษยธรรม" ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง นอกจากนี้ ประธานคณะกรรมการกาชาดสากลยังได้เข้าหารือกับ กาตาร์ด้วย อย่างไรก็ตาม องค์กรดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาปล่อยตัวประกัน แต่ระบุว่า พร้อมจะอำนวยความสะดวกเรื่องการปล่อยตัวในอนาคตหากทุกฝ่ายตกลง
กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโรงพยาบาลอินโดนีเซียในฉนวนกาซา โดยระบุว่า การโจมตีดังกล่าว เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน และให้ประชาคมโลก เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดความโหดร้ายนี้
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุขของกาซารายงานว่า เมื่อวานนี้ รถถังของอิสราเอลได้ยิงโจมตีใส่โรงพยาบาลอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบคน ซึ่งขณะเกิดเหตุมีผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่อยู่ภายในโรงพยาบาลราว 700 คน
ขณะเดียวกันวานนี้ มีการอพยพทารกคลอดก่อนกำหนด ออกจากโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ที่ถูกอิสราเอลปิดล้อม และบุกเข้าไปภายในโรงพยาบาล เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ก่อน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวทารก 28 คน ต่อไปยังโรงพยาบาลของอียิปต์ และอีก 12 คน ถูกส่งตัวไปยังกรุงไคโร