ตั้งข้อสังเกตรอยประทับฟันเฟือง บนแขนผู้ต้องหา

View icon 48
วันที่ 25 พ.ย. 2566 | 04.35 น.
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - การจับกุมผู้ต้องหาคดียิงครูเจี๊ยบ และนักศึกษาอุเทนถวายเสียชีวิต เริ่มมีการเปิดเผยภาพและตั้งข้อสังเกตต่าง ๆ นานา ทั้งการทำกิจกรรมที่เรียกว่า "รับน้อง Special" และตราประทับบนต้นแขนผู้ต้องหา ที่เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของการล่าแต้ม จะเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่

เรามาไล่เรียงข้อเท็จจริงกันไปทีละเรื่อง เริ่มจากภาพการทำกิจกรรมภายในห้องเช่า ซอยวงศ์สว่าง 19 เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ภาพนี้ได้รับการเปิดเผยจาก พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า เป็นภาพที่เพิ่งถ่ายขึ้นได้ไม่นาน เพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้เช่าบ้านหลังดังกล่าวไว้ทำกิจกรรมได้ประมาณ 2 เดือนเท่านั้น และให้ความสำคัญค่อนข้างมากกว่าที่อื่น ๆ เพราะเป็น 1 ใน 4 เซฟเฮาส์ มีการจัดคนเฝ้าเวรยามทุกวัน และแต่ละวันจะมีการทำกิจกรรมที่เรียกว่า "รับน้อง Special" สะท้อนให้เห็นรูปแบบของการเป็น "องค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก"

มีข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การฝึกของคนกลุ่มนี้เรียกว่า "ระบบสวัสดิภาพ" รูปแบบการฝึกมีทั้งการฝึกถูกทำร้ายร่างกายด้วยการกระทืบ คล้าย ๆ กับที่เคยมีข่าวในอดีตเรื่องการรับน้องโหด ที่รุ่นพี่เตะน้อง แล้วรุ่นน้องเสียชีวิต ฝึกความเคยชินกับเสียงปืน ด้วยการยิงปืนข้าง ๆ หู ฝึกการช่วยเหลือเพื่อน ฝึกการตอบคำถามหากถูกจับกุมหรือสอบเค้น ซึ่งตรงกับพยานหลักฐานที่ตำรวจไปเจอสมุดบันทึกเขียนว่า "ถ้าตำรวจสอบให้ตอบ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ ไม่ให้ความร่วมมือ" การฝึกแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ทำกันมานานแล้ว ก่อนจะผิดเพี้ยนหนัก โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุ พบเป็นบ้านเดี่ยว เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา สูง 2 ชั้น ปิดล็อกประตูรั้ว ติดกระดาษว่าห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต จากการพูดคุยกับชาวบ้านละแวกนี้ ให้ข้อมูลว่า นักศึกษากลุ่มนี้มาเช่าบ้านได้ประมาณ 3-4 เดือน แต่ละวันจะมีคนใส่เสื้อคลุมสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ขี่รถจักรยานยนต์เข้า-ออก ทั้งวันทั้งคืน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 คนต่อวัน ยิ่งถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ หรือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็จะมีคนมากขึ้น มีบางครั้งจะได้ยินคำพูดของคนที่เหมือนเป็นแกนนำให้ท่องคำปฏิญาณปลุกใจ สร้างความฮึกเหิม และจะมีคนขานรับด้วยคำว่า "ครับพี่" ที่น่าตั้งข้อสังเกต คือการให้ข้อมูลของชาวบ้านค่อนข้างระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ คล้ายกับกังวลเรื่องความปลอดภัย

ต่อมาประเด็นสัญลักษณ์รูปฟันเฟืองที่เป็นรอยตราประทับจากการใช้โลหะร้อนนาบต้นแขน มากบ้าง น้อยบ้าง เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้ให้ข้อมูลที่มาที่ไป จึงมีการนำข้อมูลเก่า ข้อมูลแหล่งข่าว มาตั้งเป็นสมมติฐานว่า สัญลักษณ์เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ หรือมีการแสดงออกอะไรบางอย่างจนเป็นที่ยอมรับ จึงจะได้รับการประทับตรานี้

เรื่องตราประทับบนตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเคยตกเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงเมื่อ 5 ปี ก่อน ตอนนั้นมีคนแย้งว่าสัญลักษณ์รูปฟันเฟืองหมายถึงโรงเรียนช่างกล 4 โรงเรียนที่มีอาจารย์ใหญ่คนเดียวกัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการก่อตั้งโรงเรียนอาชีวะ 4 แห่ง จากความนิยมของนักเรียนเมื่อ ปี พ.ศ.2500 ที่เห็นว่าเมื่อเรียนจบแล้ว หางานทำง่าย จึงเกิดการปลูกฝังให้ทั้ง 4 โรงเรียนรักและสามัคคีกัน จนเป็นตำนาน 4 เฟืองทอง

แต่อย่างที่บอกไปว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีความผิดเพี้ยนบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นเรื่องตำนานตราประทับก็อาจถูกบิดเบือนไปตามกาลเวลา

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ควบคุมตัวผู้ต้องหา 8 คน ที่แจ้งข้อหาความผิดฐานซ่องโจร ใน 3 สำนวนคดี ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังผลัดแรก พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัวทั้งหมด โดยระหว่างการควบคุมตัวไปขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหา เช่นว่าได้กระทำผิดจริง ๆ หรือเปล่า เป็นแพะตามที่เพื่อนบอกจริงหรือไม่ บางคนไม่ตอบ บางรายตอบสั้น ๆ ว่า "ไม่"

ส่วนเพื่อนผู้ต้องหาที่ไปเข้าเยี่ยมเมื่อวาน แล้วพบว่าเป็นผู้ต้องหาในคดียิงนักศึกษาที่ย่านสุทธิสาร จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวจริง ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวเพื่อสู้คดี

อย่างไรก็ตาม ศาลได้พิจารณาคำร้อง 3 สำนวนของตำรวจแล้ว อนุญาตให้รับฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด ไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์เป็นคดีร้ายแรง ผู้ต้องหากระทำในลักษณะเป็นขบวนการ มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจหลบหนี ในชั้นนี้จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมด

ส่วนข้อสงสัยต่อมาเรื่องผู้ต้องสงสัยที่ร่วมในขบวนการนี้ ที่ผู้บังคับการสืบสวนนครบาล บอกว่า มี 84 คน เป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือคนที่จบการศึกษาไปแล้ว ใช้คำว่า "ผี" แทนการเรียกว่ารุ่นพี่

รองศาสตราจารย์เสถียร ธัญญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ยืนยันว่า ได้ตรวจสอบรายชื่อของผู้ต้องหาที่มีชื่อถูกจับกุมแล้ว ไม่พบว่ามีสถานะเป็นนักศึกษาของสถาบัน และเมื่อเดือนที่แล้ว สถาบันฯ เพิ่งสั่งพ้นสภาพนักศึกษาของคนที่เคยสมัครเรียนไป 140 คน เนื่องจากคนกลุ่มนี้ เพียงลงสมัครเรียนอย่างเดียว ไม่พบว่าเคยเข้าเรียนจริง จึงเป็นไปได้ว่า 84 คนที่ตำรวจเคยพูดถึง อาจเป็นคนกลุ่มดังกล่าว ส่วนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "เสรีชนคนปทุมวัน" ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีศิษย์ปัจจุบันไปเข้าร่วมจริงหรือไม่ ยืนยันว่าการกระทำที่เกิดขึ้น แล้วมีการอ้างชื่อของสถาบัน สถาบันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

สำหรับความคืบหน้าคดียิงนายภู่ อายุ 16 ปี นักศึกษา ปวช. ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยเทคนิคดุสิต เสียชีวิตภายในซอยระนอง 2 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวนนครบาลยืนยันว่า จับตัว นายโอม ผู้ร่วมก่อเหตุรายที่ 3 ได้แล้ว หลังหลบหนีไปกบดานตัวที่จังหวัดภูเก็ต ขณะนี้อยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สน.ดุสิต คาดว่าจะมาถึง 10.00 น. วันนี้