ลุงกู้นอกเงินระบบ 3 หมื่นบาท จ่ายดอกไป 3 ล้านบาท เงินตันยังท่วม

View icon 109
วันที่ 8 ธ.ค. 2566 | 16.07 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ลุงเจ้าของบริษัท วัย 65 ปี ไปกู้เงินมา 30,000 ภายในระยะเวลา 8 เดือน เงินกู้เพิ่มเป็น 300,000 บาท ทั้ง ๆ ที่จ่ายดอกเบี้ยไปกว่า 3 ล้านบาทแล้ว ลุงหมดหนทาง คิดฆ่าตัวตาย หลังถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ 29 ราย ตามล่าตัว จนเข้าบริษัทไม่ได้ ต้องหลบหนีมาเร่ร่อนนอนตามป้ายรถเมล์นานกว่า 1 สัปดาห์ ตัดสินใจขอความช่วยเหลือ เพจสายไหมต้องรอด เป็นที่พึ่งสุดท้าย

คุณลุงอายุ 65 ปี เจ้าของบริษัทชิบปิ้งแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังจากถูกแก๊งมาเฟียเงินกู้นอกระบบตามล่าตัว เข้าบ้านไม่ได้ ต้องเรร่อนนอนตามป้ายรถเมล์ ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังพูดคุยกับคุณลุงอยู่นั้น ได้มีเจ้าหนี้ที่ชื่อว่า เล็ก โทรศัพท์เข้ามาทวงหนี้พอดี

คือเจ้าหนี้ที่ชื่อ เล็ก รายนี้ ลุงบอกว่า ลุงได้กู้เงินจากเขามา 40,000 บาท เขาจะเก็บเฉพาะดอกวันละ 800 บาท ตอนนี้หนี้เพิ่มมาเป็นเกือบ 100,000 บาทแล้ว ทั้ง ๆ ที่เอารถจักรยานยนต์ป้ายแดงลุงไป 2 คัน ราคาเกือบ 300,000 บาทแล้ว  แต่กลับเป็นหนี้เพิ่ม

คุณลุง เล่าให้ฟังว่า เริ่มจากเดือนสิงหาคม 2565 หรือ เมื่อ 8 เดือนที่แล้ว ตนกู้เงินมา 30,000 บาท ได้เงินมา 24,000 บาท จ่ายดอกวันละ 1,500 บาท จำนวน 24 วัน จากนั้นลุงส่งดอกเบี้ยมาได้ 10 วันแล้วไม่มีเงินส่งดอก เจ้าหนี้จะเรียกเจ้าของเงินกู้รายใหม่ที่เก็บดอกเบี้ยสู้ถึง 100 ละ 100 มาให้กู้เงิน เพื่อนำเงินมาโปะหนี้ที่ขาดส่ง โดยทำต่อ ๆ กันมาแบบนี้เป็นเวลา 8 เดือน มีเจ้าของเงินกู้เพิ่มมา 37 ราย ปิดหนี้ไปแล้ว 9 ราย เหลือ 29 ราย ตนเองจ่ายดอกไปกว่า 3 ล้านบาท ตอนนี้ยังเป็นหนี้อีก 300,000 บาท

ตนเองทำงานหาเงินได้มาเท่าไหร่ ก็นำไปจ่ายดอกเบี้ยพวกเงินกู้หมด มาช่วงหลังตนเองไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย พวกเงินกู้ก็มาข่มขู่ถึงที่ทำงาน มีการเอากาวมาหยอดแม่กุญแจบริษัท ยกพวกมายึดคอมพิวเตอร์ที่บริษัทไปหมด ยกพวกมาล้อมบริษัท ส่งข้อความมาข่มขู่

ตนเองเคยโทรแจ้ง 191 ไป เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดต่อตำรวจพื้นที่ ตนเองจึงโทรศัพท์ตำรวจ สภ.หนองขาม จังหวัดชลบุรี รู้ไหมตำรวจแจ้งกลับมาว่าอะไร ตำรวจบอกว่า "เอามันไม่อยู่ ให้ลุงย้ายออกนอกพื้นที่ เดี๋ยวผมดูแลลุงเอง" ต่อมาพวกเงินกู้รู้ว่าตนเองแจ้งตำรวจ ได้บุกมาหาตนเอง พร้อมขู่ว่า ไปแจ้งตำรวจคนไหน เดี๋ยวจะไปกระทืบต่อหน้าตำรวจที่โรงพักเลย เรื่องนี้จึงทำให้ตนเองหวาดกลัว ทำให้ตนเองไม่กล้าไปลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบของรัฐบาล เพราะเห็นข่าวแม่ค้าส้มตำไปลงทะเบียนแล้วถูกทำร้าย เลยคิดว่าลงทะเบียนไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะไปแจ้งความแล้วยังช่วยอะไรไม่ได้เลย

ตอนนี้ตนเองได้ออกจากพื้นที่ชลบุรีมา 7 แล้ว วันที่ผ่าน อาศัยนอนตามป้ายรถเมล์บ้าง นอนตามโรงพยาบาลบ้าง เวลาหิวก็ไปขอข้าวพระกิน เมื่อ 2 วันที่แล้วตนเองรู้สึกท้อกลับชีวิต หาทางออกไม่เจอ คิดจะกระโดดน้ำตายบนสะพานซังฮี้ ไปยืนอยู่บนสะพานแล้ว แต่มีพลเมืองขี่รถจักรยานมาพูดคุยด้วย ทำให้ตนฉุดคิดขึ้นได้ ตนจึงลองติดต่อมาหาทางเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือ ถ้าทางเพจไม่ช่วย ตนเองก็ไม่ขออยู่ในโลกใบนี้แล้ว 

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเราลงพื้นที่ไปยัง สภ.หนองแขม พร้อมกับ นายเอกภพ พาลุง ลูกหนี้เข้าพบ พันตำรวจเอก ชาตรี สุขศิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ พันตำรวจเอก เกริกศิษฐ์ เนียมนัดฐ์ ผู้กำกับ สภ.หนองขาม โดยท่านผู้กำกับ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเรียกเจ้าหนี้ทุกคนเข้ามาพบ เพื่อไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้ รายไหนเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ก็จะดำเนินคดีไป ขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ต่อจากนี้จะเอาตู้แดงไปติดที่บริษัทลูกหนี้

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ตนได้พาผู้เสียหายมาพบกับรองผู้การและผู้กำกับ เพื่อสร้างความมั่งใจให้ลุงจะได้อยู่บ้านทำงานได้อย่างไม่ต้องกังวล ผู้กำกับก็รับปากแล้วว่าเย็นนี้จะเรียกเจ้าหนี้ทั้งหมดมาพบทั้งหมด อีกทั้งมีท่านปลัดอำเภอศรีราชามาลงพื้นที่ ที่บริษัทด้วย มาย้ำถึงความปลอดภัยให้ลุงอีก จากนี้ไปตนเองจะคอยติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากลุงถูกเจ้าหนี้ทำร้ายหรือมาขมขู่อีก จะดำเนินกับผู้ก่อเหตุอย่างถึงที่สุด

จากนั้นผู้เสียหายได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ไปตรวจสอบที่บริษัทของลุง ปรากฏว่า มีเจ้าหนี้แอบเอาแม่กุญแจมาล็อกประตูบริษัทลุงไว้ เพื่อเป็นการขมขู่ พอเขามาดูในบริษัท พบว่าทั้งตู้เย็น ทีวี ไมโครเวฟ แอร์ ถูกเจ้าหนี้นำไปขายหมดแล้ว ส่วนคอมพิวเตอร์ที่เห็นอยู่ในบริษัท คือลุงพึ่งไปไถ่มาจากเจ้าหนี้ 29,000 บาท เมื่อเดือนที่แล้ว

จากการสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ บริษัทของลุง ได้ข้อมูลว่า เห็นคนแปลกหน้ามานั่งรอลุงอยู่หน้าบ้านประจำ มาครั้งละ 2-3 คนบ้าง บางที่ก็มากันเยอะกว่านั้น เวลามาจะพยายามมองเข้าไปข้างในบริษัท เพื่อจะดูว่าลุงอยู่ในบริษัทไหม และเมื่อ 7 วันที่ผ่านมา ก็มีกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาบ่อยมาก