”เลขาบีโอไอ“ ยืนยัน “พานาโซนิค” ไม่ได้ย้ายฐานผลิต แค่ปิดโรงงานย่อย ย้ำ “เศรษฐา” เยือนญี่ปุ่น พบนักลงทุนเพียบ
วันนี้ (14ธ.ค.66) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวถึงกระแสข่าวพานาโซนิค จะย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยไปประเทศอื่น ว่า เป็นเพียงการปิดโรงงานลักษณะเดียวกัน ที่มีขนาดเล็กๆ เพื่อรวมเป็นโรงงานใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน พานาโซนิค มีโรงงานทั้งหมด 11 แห่ง เป็นโรงงานขนาดใหญ่ 4 โรงงาน ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อุปกรณ์อัตโนมัติในรถยนต์ และ เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในรถยนต์ ส่วนอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ได้ซับซ้อน ก็ไปรวมกับประเทศอื่น ทั้งนี้ 4 โรงงานใหญ่ มียอดขายถึง 80% ของยอดขายทั้งหมด
สำหรับการเดินทางเยือน และ เข้าร่วมประชุมที่ประเทศญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง ระหว่างวันที่ 14-18 ธ.ค.นี้ ตนเองได้ร่วมคณะมากับนายกรัฐมนตรีด้วย มี 3 ภารกิจหลัก ดังนี้
- ร่วมสัมนากับภาคการค้าการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เป็นงานใหญ่ที่สุดหลังมีโควิด-19 มีนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้าร่วมกว่า 500 คน นายเศรษฐา จะกล่าวถึงทิศทางและมาตรการด้านเศรษฐกิจ จะสื่อสารให้เห็นถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย และ เชิญชวนให้มาลงทุน มากกว่าการเป็นฐานการผลิตนั้น คือการวิจัยและพัฒนาและการตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย โดยช่วง 4 ปี จากนี้ตั้งเป้าว่าจะมีบริษัทชั้นนำของโลกกว่า 100 บริษัทให้เขามาตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคในไทย เพื่อสร้างแรงงานทักษะสูงไม่ต่ำกว่า 10,000 อัตราและต่อยอดไปสู่ธุรกิจต่างๆ รวมถึงนำเสนอโครงการแลนด์บริดจ์ด้วย
- พบปะกับ 7 บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งจะพูดคุยถึงแผนการลงทุน และ สื่อสารมาตรการในการสนับสนุนของรัฐบาลไทย เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่น ที่อยากให้เราสนับสนุนการทำรถยนต์ อีวี รถไฮบริด และ อีโคคาร์ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมาในอนาคต และ จะพบกับภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เช่น พานาโซนิค ที่เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ระดับโลก , คูโบต้า ผู้ผลิตเครื่องมือการเกษตรรายใหญ่ในประเทศไทย และ บริษัท มิตซุย ที่มีความสนใจเรื่องของพลังงานและเคมี
- นำเสนอโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐาภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างทะเลอ่าวไทยและอันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ ต่อบริษัทเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น ที่ลงชื่อเข้าร่วมแล้วกว่า 40 คน เช่น บริษัทที่เกี่ยวกับการสร้างท่าเรือ การเดินเรือ การประกันภัย การธนาคาร เป็นต้น